Audrey cafe & bistro เปลี่ยนแนวคิดผู้ใหญ่ ให้ชอบสถานที่แต่งงานในร้าน
ช่วงเช้าเราจัดงานที่บ้านค่ะ เพราะแขกผู้ใหญ่เราอยู่ในละแวกใกล้เคียงค่อนข้างเยอะ เลยจะสะดวกต่อทุกฝ่ายมากกว่า แล้วก็มีเลี้ยงเที่ยงนิดหน่อย ต่อท้ายด้วยงานเลี้ยงเย็นที่เป็นเหมือน Private Party จัดที่ Audrey cafe & bistro (ออเดรย์ คาเฟ่ แอนด์ บิสโตร) โดยเชิญเฉพาะญาติๆ เพื่อนสนิท และเพื่อนร่วมงาน
เราตั้งใจดีไซน์งานให้ออกมาเล็กๆ แต่ดูอบอุ่นเป็นกันเอง ไม่ต้องใหญ่โตอะไรมาก นอกจากนี้เรายังทำให้ผู้ใหญ่ที่มารู้สึกเปิดใจกับงานเรามากขึ้นด้วย จากแต่ก่อนที่ท่านอาจคิดว่า จัดงานแต่งยังไงก็ต้องจัดที่โรงแรมเท่านั้น ท่านก็เปลี่ยนความคิดใหม่ เปิดกว้างมากขึ้นว่า รูปแบบงานที่จัดที่ร้านอาหารมันก็น่ารักดีเหมือนกันนะ
เลือกร้านดี มีมุมสวยๆ ให้เก็บภาพ
เสน่ห์อย่างนึงของ Audrey คือไม่ต้องแต่งอะไรมากค่ะ เพราะยิ่งแต่งเยอะจะยิ่งไม่สวย (หัวเราะ) ที่นี่เวลาเราจะตกแต่งอะไรเพิ่ม เราควรจะต้องคงเอกลักษณ์เดิมของเขาไว้อยู่ อย่างงานของอ้อ ด้านนอกเราจัดเป็นแบ็คดรอปไปเลยหนึ่งฝั่ง ส่วนอีกฝั่งเป็นโต๊ะและเก้าอี้ แขกประมาณ 160 คน ก็นั่งกันได้กำลังพอดี แชร์พื้นที่กันระหว่างด้านนอกและด้านใน
งานนี้เป็นกึ่งๆ D.I.Y. เพราะเราออกแบบและจัดการกันเองทั้งหมด แต่จะมีทีมที่มาช่วยเหลือบ้าง อย่างในส่วนของแบ็คดรอป เราให้ทีม Primmrose มาจัดการ เติมไม้และดอกไม้สำหรับตกแต่งเพิ่มเข้าไป
การ์ดกับของชำร่วย เจ้าบ่าวเป็นคนออกแบบ โลโก้ที่เพ้นท์ลงไปบนแก้ว เขาก็เป็นคนออกแบบด้วยตัวเองเลยค่ะ ในส่วนของสมุดเซ็นอวยพร เราเปลี่ยนจากกระดาษธรรมดามาเป็นแผ่นไม้ ที่ยังคงรูปทรงของวงไม้ไว้จริงๆ แล้วก็เตรียมปากกาเพอร์มาเน้นท์ไว้ให้แขกเซ็นได้เลย พอจบงานเราก็เอาไปใช้เป็นของแต่งบ้านได้จริงๆ
สบายๆ สไตล์ SEAOR
รูป Pre-wedding ที่เรานำมาใช้ประดับตรงแกลอรี่ เราก็จะคัดมาเฉพาะรูปที่สื่อถึงคาแรกเตอร์ของเราสองคนจริงๆ เท่านั้นค่ะ ภาพส่วนใหญ่จะไม่หวานมาก เพราะคู่เราไม่ใช่คนสไตล์นั้น เราอยากนำรูปที่ดูเป็นกันเอง เป็นธรรมชาติ มาเสริมใส่เข้าไปมากกว่า ดังนั้นเลยจะเห็นได้ว่าในงาน เรามีภาพเซลฟี่หรือภาพคู่ตอนที่เราอยู่ร่วมกันจริงๆ มาประดับอยู่ด้วย แขกที่มาเห็นก็รู้สึกเข้าถึงได้จริง ดูไม่ประดักประเดิด และไม่เกร็ง กิมมิคนึงที่ทุกคนในงานจะคุ้นเคยกันดี นั่นคือชื่อของบ่าวสาว ที่รวมกันระหว่างคำว่า ซี กับ อ้อ (SEAOR) เรานำส่วนนี้ไปใส่เป็นลูกเล่นในงาน เช่น เพ้นท์ลายลูกโป่งสำหรับตกแต่ง ทำให้กลายเป็นตัวชูโรงชื่อบ่าวสาวได้อีกทางหนึ่งค่ะ
ไม่ต้องซื้อชุดใหม่ ใส่อะไรก็ได้ขอให้พร็อพวินเทจ
เนื่องจากบ่าวสาวชอบสีเทากับฟ้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วค่ะ แต่ทีนี้มาคิดกันว่า ถ้าไปบังคับให้แขกใส่ชุดสีเทาฟ้าสไตล์วินเทจ ก็อาจจะลำบากกับคนที่มางานเราไปสักหน่อย แถมบางคนก็อาจจะไม่เข้าใจนิยามของคำว่าวินเทจอีก เราเลยเปลี่ยนไปให้เน้นที่เครื่องประดับแทน ใส่อะไรมาก็ได้ ขอแค่มีพร็อพเหล่านี้เราก็โอเค สุดท้ายทั้งหมดนี้เลยกลายเป็นสีสันในงานไป เพราะทุกคนเตรียมพร็อพของตัวเองมาไม่เหมือนกัน ช่วงท้ายสุดของงาน เราเปลี่ยนจากการโยนช่อดอกไม้ มาเป็นการจับริบบิ้นสั้นยาว เนื่องจากตัวสถานที่เขาไม่สะดวกให้เราโยนดอกไม้จากชั้นบนลงมาชั้นล่าง เพราะมันจะติดโคมไฟ วิธีนี้เลยเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทั้งสนุกและแก้ปัญหาได้ดี แต่เจ้าสาวต้องระวังความจริงจังของเพื่อนๆ นิดนึง ไม่อย่างนั้นจะมือถลอกแบบอ้อได้เลย (หัวเราะ)
แนะนำบ่าวสาว
เตรียมตัวให้พร้อมทุกสถานการณ์ : อย่างของอ้อก่อนวันงานจริง คุณแม่อ้อป่วยเข้าโรงพยาบาลค่ะ จริงๆ ตัวเนื้องานมันเลยน่าจะสนุก และมีอะไรได้กว่านี้อีกเยอะ อย่างตอนแรกก็ตั้งใจจะให้มี After Party แต่เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้น เราเลยต้องตัดบางช่วงทิ้ง เพราะยังกังวลอยู่ ไม่พร้อมจะเอนจอยลากยาวกันถึงดึก แต่ยังไงตัวกำหนดการหลักๆ เราก็เลื่อนไม่ได้แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นให้คิดเสมอว่า เราต้องผ่านมันไปให้ได้ มันต้องดำเนินต่อ ถึงจะรู้สึกยังไงข้างใน ก็ต้องจัดการอารมณ์ตัวเองให้ได้ค่ะ เราต้องแคร์คนที่มาเพื่อเราด้วย งานถึงจะออกมาราบรื่น
ทำการบ้านให้เยอะๆ : ดูว่าอะไรที่เหมาะกับเราจริงๆ แล้วมันจะช่วยทำให้เราตัดสินใจเลือกได้ง่ายกว่า ไม่เสียเวลาเลือกหลายต่อแบบไม่รู้จบ ยิ่งคู่ไหนที่ความชอบไปด้วยกันได้นี่ยิ่งสบายเลยค่ะ