Share Seabar สถานที่แต่งงานแบบร้านอาหาร ครบเครื่องเรื่องความอร่อยและอบอุ่น
ผมเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานที่ร้านอาหาร Share Seabar (แชร์ ซีบาร์) เพราะอยากได้งานที่ไม่ต้องใหญ่โตมาก ใช้บัดเจทไม่สูง ทำให้แขกที่มาแสดงความยินดี ไม่ต้องใส่ซองให้เราเยอะครับ แล้วตัวบ่าวสาวเองก็ไม่ต้องรับภาระในจุดนี้ แถมการจัดในลักษณะนี้ทุกคนก็จะได้มีส่วนร่วมกันจริงๆ ได้เอนจอยกับช่วงเวลาร่วมกัน พอทุกคนมีความสุข บ่าวสาวก็มีความสุขไปด้วยครับ
ข้อติติงนิดเดียวของการจัดงานขนาดเล็ก คือเราอาจจะเชิญแขกได้ไม่มากเท่าไหร่นัก เชิญได้แต่เฉพาะคนสนิทกันเท่านั้น ว่าง่ายๆ คือจัดงานเล็กก็ลำบากใจ เชิญมาได้ไม่ครบทุกคน ส่วนจัดงานใหญ่ก็ลำบากใจไปอีกแบบ เพราะกลัวว่าเขาจะไม่มา ดีอย่างเสียอย่าง คนละมุมกันครับ
ส่วนเหตุผลที่ผมเลือกใช้ทีมที่มีบริการให้ครบทุกอย่าง ก็เพราะงานต่างๆ ก็จะได้เชื่อมโยงถึงกันหมดครับ ยิ่งถ้าได้ทีมที่เก่งพออย่างทีมนี้ การจัดการทุกอย่างจะเป็นไปอย่างมีระบบและเรียบร้อยมาก คนตกแต่งทีมเดียวกับช่างภาพ ก็จะรู้ว่ามุมไหนต้องเซ็ตยังไง พอถ่ายภาพออกมาก็จะสวย ไม่ต้องมีคำถามหรือคำบ่นจากช่างภาพอีก ว่าจัดแบบนี้ถ่ายยากมากเลยนะ... อีกอย่างคือการเลือกแบบเจ้าเดียวจบจะช่วยให้ปรับเปลี่ยนอะไรได้ง่ายมาก แถมยังไม่มีผิดพลาดไม่มีตกหล่น ประหยัดเวลาไปได้เยอะเพราะไม่ต้องประสานงานหลายฝ่าย ทุกอย่างลื่นไหลไปได้ด้วยดี บ่าวสาวก็ไม่เหนื่อย สบายเลยครับ (หัวเราะ)
เมื่อได้รับโจทย์สุดท้าทายภายในเวลาหนึ่งเดือนจากบ่าวสาว คุณเกรซและคุณจูนแห่ง Chill Chill Studio เลยต้องขอรวมพลังฟิต คิดสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ให้งานออกมาทั้งสวยและทันภายในเวลาที่กำหนด
เริ่มแรกเลยคือการจับเข่าคุย นัดประชุมกับบ่าวสาวกันก่อน คุณเจ็ท เจ้าบ่าวของงานเล่าให้เราฟังว่า ตอนแรกธีมหลักที่อยากได้จริงๆ จะเป็นแนวอินดัสเทรียลนิดๆ เรโทรหน่อยๆ แต่เนื่องจากลุคมันจะดูแข็งเกินไป สุดท้ายทีม Chill Chill Studio เลยเพิ่มงานไม้ งานดอกไม้เข้ามา เพื่อปรับให้ได้ลุคที่ดูซอฟท์เหมาะกับการเป็นงานแต่งงานอีกที
ส่วนเรื่องการตกแต่งสถานที่ คุณเกรซเองก็แชร์ไอเดียกับเราว่า ทางทีมพยายามจะคงเสน่ห์ของความเป็นเรโทรไว้ให้ได้มากที่สุด ด้วยการใช้พร็อพที่น่าสนใจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นซีดี แผ่นเสียงเก่าๆ เครื่องพิมพ์ดีดที่มีดีไซน์เก๋ๆ ซึ่งยิ่งพอแม็ตช์กับดอกไม้ และผ้าลายสก็อตตามจุดต่างๆ ก็ยิ่งเข้ากันไปใหญ่
‘อีกเรื่องนึงที่ต้องคำนึงถึงมากๆ คือเรื่องไฟในการจัดงาน โชคดีที่ทีมเรามีพื้นฐานเดิมเรื่องการถ่ายภาพอยู่แล้ว ดังนั้นเราจะรู้ว่าโซนไหนควรมีไฟยังไง และต้องเป็นไฟแบบไหนถึงจะสวย ยิ่งถ้าบ่าวสาวจัดงานเอ้าท์ดอร์ตอนเย็นด้วย ก็ยิ่งต้องแคร์เรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะมันส่งผลถึงบรรยากาศในงาน และภาพที่จะได้ต่อจากนั้นด้วยเหมือนกัน’
‘ตรงโซน Welcome Drink เราทำเป็นฟ้อนต์แบบลายมือเขียน ผสมกับงานไม้ และรูปบ่าวสาวในกรอบเล็กๆ ให้แขกพอเห็นโทนของงานก่อน ถัดมาเป็นจุด Reception ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่ Sign Board ที่พอจบงาน บ่าวสาวก็สามารถนำไปใช้ตกแต่งบ้านได้เลย และแทนที่จะเป็นสมุดเซ็นอวยพรธรรมดา ก็เปลี่ยนมาเป็นภาพสีขาววาดลวดลายลูกโป่ง ให้แขกแต่ละคนเซ็นลงไปในลูกโป่งแต่ละใบ’
‘แบ็คดรอปเราประยุกต์ใช้ผนังอิฐเกือบสิบเมตรของร้านมาใช้เซ็ตและแขวนภาพ โดยเลือกกรอบผ้าแคนวาสเพื่อให้เข้ากับธีมทั้งหมด และเปลี่ยนจากการติดชื่อบ่าวสาวตรงด้านบนแบบทั่วไป มาเป็นการตั้งตัวอักษรที่ด้านล่างแทน แขกจะได้สามารถเอนจอยกับการถ่ายรูปในมุมนี้ได้มากขึ้นด้วย'
‘ตรงโซนโต๊ะทานอาหาร ก็เป็นอีกมุมนึงที่เราใส่ใจมาก เพราะเป็นอีกรายละเอียดสำคัญ ที่จะทำให้แขกเอนจอยไปกับงานเพิ่มขึ้นไปอีก ส่วนบนเวทีฉากหลังจะเป็นไม้แผ่นใหญ่ ตรงกลางมีเก้าอี้สำหรับนั่ง นอกจากช่วยให้ดูไม่โล่งจนเกินไปแล้ว ยังทำให้บ่าวสาวมีช่วงสบายๆ ที่สามารถรีแล็กซ์และนั่งคุยกับแขกได้ด้วย ช่วงไหนเฮฮาหน่อยก็มีร้องเพลงกัน เป็นกึ่งๆ ปาร์ตี้ บ้างก็บ่าวสาวร้องให้แขก บ้างก็แขกร้องให้บ่าวสาวค่ะ’
‘ช่วงสุดท้ายคือช่วงโยนดอกไม้ เนื่องจากเนื้อที่จำกัด ทางทีมกับเจ้าสาวเลยคุยกันว่า จะเปลี่ยนไปใช้เป็นการจับลูกโป่งแทน ใช้สัก 15 ใบ ใครที่จับได้ใบที่มีฉลากติดอยู่ไป ก็จะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป แล้วเจ้าสาว(ตัวจริง) ก็จะมีมอบรางวัลให้ในงาน ปิดงานด้วย After Party เป็นอันเรียบร้อยสมบูรณ์’
จัดงานภายในหนึ่งเดือนยังไงให้ ทันชัวร์ สวยถูกใจแน่นอน
วันแรก - คุยคอนเซ็ปต์กันก่อน สโคปว่าสถานที่คือที่ไหน แขกประมาณกี่คน หลังจากนั้นส่ง Ref ที่อยากได้มาให้ทางทีมช่วยดู
วันที่ 5 - คุยสตอรี่ของบ่าวสาว เพื่อใส่เรื่องราวลงไปในงาน และคอนเฟิร์มแบบที่ต้องการจะให้เกิดขึ้นจริงภายในวันงานให้เรียบร้อย
วันที่ 8 - เลือกฟ้อนต์ เลือกสีงาน ลำดับพิธีการต่างๆ เพื่อจัดเตรียมอุปกรณ์ให้เรียบร้อย
หลังจากนั้นทีมจะจัดการให้เอง บ่าวสาวรอไปที่งานได้เลย!
แนะนำบ่าวสาว
บ่าวสาวต้องบอกให้ได้ก่อนว่า 50% ของงานอยากให้งานเป็นแบบไหน : ยิ่งเปิดเผยสตอรี่ บอกความเป็นตัวตนของตัวเองได้มากเท่าไหร่ ทีมก็ยิ่งทำงานได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น ที่สำคัญเลยคือ ต้องไม่ลืมที่จะเลือกตากล้องที่รู้เรื่องไฟเป็นอย่างดี ยิ่งถ้าเป็นทีมเดียวกัน ทั้งวิดีโอและภาพนิ่งได้ด้วยยิ่งโอเค เพราะจะรู้ทางกัน ไม่มีการยืนบังกันแน่นอน