Mellow Garden สถานที่แต่งงานสวยสบาย สไตล์เป็นกันเอง
ตอนแรกคู่เราดูสถานที่ไว้หลายที่มากเลยค่ะ ตั้งแต่โรงแรมไปจนถึงร้านอาหารที่เขารับจัดงาน แต่ด้วยจำนวนแขกของเราประมาณ 300 คน ถ้าจะจัดที่โรงแรม Minimun Spending จะค่อนข้างเยอะ เราก็เลยตัดช้อยส์โรงแรมออก แล้วเลือกใช้สถานที่แต่งงานที่ Mellow garden wine & dine restaurant (เมลโล่ การ์เด้น ไวน์ แอนด์ ไดน์ เรสเตอรองท์) ส่วนรูปแบบงานก็จะไม่ได้เป็นทางการมาก ถือว่าลงตัวทั้งบรรยากาศ จำนวนแขก และสะดวกกับการแยกส่วนแขกผู้ใหญ่กับแขกวัยรุ่นอย่างชัดเจนค่ะ
จัดซุ้มทุกอย่างให้อยู่ในโซนเดียวกันหมด
วิธีคิดของเราคือ ทำยังไงก็ได้ให้แขกที่มาให้รู้สึกประทับใจ เป็นกันเอง และสามารถจดจำงานของเราได้มากที่สุด เราอยากให้แขกที่มาในงานได้ใกล้ชิดกับบ่าวสาวมากๆ ไม่อยากให้เป็นแค่การต่อคิวถ่ายรูปกันที่แบ็คดรอป ที่โต๊ะอาหาร เสร็จแล้วก็จบ เราเลยเปลี่ยนรูปแบบงานให้ไม่มีแบ็คดรอป แต่ทำให้สถานที่ทั้งหมดสามารถเป็นมุมถ่ายรูปได้ทุกที่ บ่าวสาวก็จะได้สามารถเดินไปถ่ายได้ทั่ว แขกเองก็สามารถเลือกมุมที่ตัวเองชอบได้อีก ภาพที่ได้ออกมาก็หลากหลาย ไม่จำเจน่าเบื่อค่ะ
โจทย์นี้เลยนำไปสู่ทีมตกแต่ง (Shabby Chic Gardens) ของเราอีกที ว่าเราอยากจะใช้ธีมสีเทาเหลือง เขาก็ช่วยตกแต่งให้ทั้งเวที มุมนักดนตรี มุมลงทะเบียน มินิบาร์ ให้ทั้งหมดนี้อยู่ในโซนสวนเดียวกัน เรียกได้ว่าแทบจะเป็นพร็อพ 360 องศาเลยค่ะ ของทานเล็กๆ น้อยๆ ก็จะอยู่ในส่วนนี้ด้วย เราอยากให้แขกได้เดินมามีส่วนร่วมกับทุกซุ้มที่เรามี มาตักเค้ก มากดน้ำค็อกเทลดื่ม บรรยากาศจะได้ไม่ดูนิ่งๆ ไปหมด
ของชำร่วยในงานจะเป็นสมุดลายเดียวกับการ์ด และในงานเราจะไม่มีสมุดอวยพรเล่มใหญ่ๆ ด้วยค่ะ เราเปลี่ยนไปใช้วิธีแนบกระดาษ 4X6’’ ใส่รวมไปกับซองตั้งแต่แรก เพื่อให้แขกที่มามีเวลาเขียนมาจากที่บ้าน ดังนั้นคำอวยพรที่เราได้จึงไม่ซ้ำกันเลย บางคนก็เอารูปตัวเองมาแปะ บางคนวาดรูปสวยๆ มาให้ บางคนก็ติดสติกเกอร์ สะดวกทั้งการจัดเก็บ แล้วก็ไม่ต้องชุลมุนกันตรงโต๊ะลงทะเบียนในวันงานจริงด้วยค่ะ
ถ้าจะชิลล์ ก็ต้องชิลล์ให้ครบทุกส่วน
ของตกแต่งส่วนใหญ่ในงานจะเป็นแนว Rustic ที่ดูเป็นสไตล์ชนบทฝรั่งค่ะ วัสดุที่ใช้ก็จะดูเป็นธรรมชาติ ดอกไม้ต้นไม้ของทีมตกแต่งก็เป็นของจริงทั้งหมด ดูสดชื่นสบายตา แล้วก็ลิ้งค์ไปสู่การแต่งตัวของเราอีกที นั่นคือชิลล์ๆ ไม่ต้องเต็มยศมากจนเกินไป เจ้าสาวก็ใส่ชุดเปิดไหล่แต่งลูกไม้ปักเลื่อม ช่วงปลายเป็นเมอร์เมดแบบผ้าโปร่ง ส่วนเจ้าบ่าวเราตัดชุดแล้วลดเอาสูทออก เหลือแต่เสื้อกั๊กให้ได้ลุคสบายๆ ค่ะ
นอกจากนี้เรายังพยายามลดพิธีการออกไปให้เยอะที่สุด เราตัดช่วงประธานให้พรและตัดเค้กออก แล้วเพิ่มช่วงที่ให้เพื่อนแต่ละกลุ่มของแต่ละฝ่าย ขึ้นมาพูดถึงบ่าวสาวและงานในวันนั้นแทนค่ะ นอกจากนี้เราก็เปลี่ยนการโยนดอกไม้เป็นการโยนตุ๊กตาบราวน์กับโคนี่จาก LINE แทนด้วย ซึ่งทุกคนก็ชอบกันมาก เป็นของสากลที่ทุกคนอยากได้หมด (หัวเราะ)
วันงานเราจะมีที่นั่งเป็นลังไม้ตรงด้านหน้าเวที ช่วงที่มีกิจกรรมทุกคนจะหยุดทาน แล้วมาถือแก้วไวน์มานั่งฟังกัน เป็นอะไรที่เกินความคาดหมายของเรามากๆ เลยเซอร์ไพรส์ได้ใจ งานนี้ให้ไปเลยน้องเหมียวตัวเป็นๆ!
ในงานเจ้าบ่าวจะมีเซอร์ไพรส์ให้เจ้าสาวสองอย่างค่ะ ด้วยความที่เราเลือกของชำร่วยมาเป็นสมุด เจ้าบ่าวก็เลยพิมพ์เนื้อเพลงที่อยากให้เพื่อนๆ ช่วยร้องลงไปที่ด้านหลัง เป็นโมเม้นท์ที่ดีมาก อีกอย่างคือเจ้าบ่าวรู้ว่าเจ้าสาวอยากเลี้ยงแมวอยู่แล้ว ก็เลยเตรียมแมวมาด้วย พออวยพรจบก็เลยเตี๊ยมกับทางพิธีกรไว้ว่า ให้พาเจ้าสาวมานั่งตรงส่วนที่นั่งแขกบริเวณด้านหน้าเวทีแล้วปิดตา แล้วก็นำมาแมวมาให้ โดยบรีฟเพื่อนๆ เจ้าสาวให้มาแสตนบายใกล้ๆ ภาพที่ได้ออกมาจะได้น่ารัก และได้บรรยากาศที่ดีเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งจนถึงตอนนี้ น้องเหมียวตัวนั้นก็เลยกลายเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านเราไปอย่างถาวรเลยค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
เช็คบิลให้ละเอียด : อย่างค่าสถานที่หรือค่าบิลอื่นๆ ที่บ่าวสาวอาจจะไม่ได้เป็นคนดูหรือจ่ายด้วยตัวเองโดยตรง บางครั้งบิลที่ออกมาจะไม่ได้เขียนแยกมาให้ ว่าใช้กับอะไรตรงไหนไปบ้าง พอมาเป็นจำนวนรวมคนจ่ายก็จะไม่ทราบว่าถูกต้องรึเปล่า ต้องเช็คกันดีๆ เลยค่ะ
ต้องมีเลขาบ่าวสาว : งานนี้เราทำกันเองหมด ไม่ได้ใช้ออแกไนซ์เลยค่ะ เราให้เพื่อนๆ มาช่วย ดังนั้นมันเป็นไปได้ที่อาจจะมี accident เกิดขึ้นบ้าง เช่น เพื่อนรถติดเลยจะมาช้า ดังนั้นเราเลยต้องเตรียมมือขวาไว้หนึ่งคน เพื่อให้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาจะสามารถตัดสินใจและแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าแทนเราได้เลย
หาตรงกลางระหว่างกัน : นั่งคุยกันก่อนไปหาข้อมูลเลยค่ะ ประหยัดเวลาด้วย ไม่ทะเลาะกันด้วย ช่วยให้ที่บ้านของทั้งสองฝ่ายเห็นภาพมากขึ้น เพราะเราต้องไม่ลืมว่ายิ่งหลายฝ่ายก็ยิ่งมีหลายความคิดเห็น เราต้องยืดหยุ่นเพื่อให้งานมันไปต่อ อย่างงานของเรา เราให้คนในครอบครัวสามารถดูแลแขกผู้ใหญ่ที่เราจัดแยกไว้ในห้องได้เลยตามสะดวก เลือกวงดนตรีที่เหมาะกับแขกของเขาได้ตามใจชอบ ก็แฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย (งานนี้เลยมีวงดนตรีสองวงไปโดยปริยาย) ตามใจทุกคน
จัดงานยังไงก็ได้ให้เป็นตัวเราที่สุด : เวลาเราหาข้อมูลเรื่องงานแต่งงานเราจะเจอแบบสวยๆเยอะมาก แล้วความชอบของเราก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามเวลา ยิ่งดูเยอะก็ยิ่งชอบหลายแบบ แล้วสุดท้ายก็จะไม่เจอที่ถูกใจสักที แต่เมื่อไหร่ที่ยึดสไตล์ของตัวเองจริงๆ มันจะทำให้ทุกอย่างง่ายและชัดเจนขึ้น ช่วยให้ตัดช้อยส์ออกได้หลายอย่าง จัดงานได้ง่ายขึ้นอีกเยอะเลย