สาวไทยในงานแต่งงานญี่ปุ่น
พิธีแต่งงานที่ศาลเจ้าครั้งนี้ เริ่มมาจากการที่คุณเจ้าบ่าวของฟิล์มเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นค่ะ คุณพ่อของเขาอยากให้จัดงานสไตล์ศาลเจ้า เป็นทั้งการรักษาขนบธรรมเนียมที่ดี และได้เติมเต็มความฝันสมัยแต่งงานของคุณพ่อเองด้วย ตัวฟิล์มเองก็ไม่ติดอะไร น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีครั้งหนึ่งในชีวิตเลย
สำหรับการเตรียมงาน ฟิล์มเตรียมตัวตั้งแต่ตอนอยู่ที่ไทย โดยจะส่งอีเมล์คอนเฟิร์มเรื่องวันเวลา และรายละเอียดกับแพลนเนอร์ทางญี่ปุ่นค่ะ แต่ข้อแตกต่างคือ แพลนเนอร์ที่นั่นเขาจะทำให้เราเพียงแค่บางอย่างเท่านั้น พวกการไปดูสถานที่เราต้องไปด้วยตัวเองทั้งหมดค่ะ
จัดแบบดั้งเดิมที่ศาลเจ้า
เราจัดงานกันที่ศาลเจ้าโฮโกกุ ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับปราสาทโอซาก้า เรื่องหนึ่งที่เราเห็นได้ชัดมากคือ ที่ญี่ปุ่นเขาละเอียดและเป็นระบบ เวลาแพลนเนอร์โทรหาศาลเจ้าเพื่อจะบุ๊คคิววันงานของเรา เขาก็จะแจ้งกลับมาว่า เราต้องเข้าไปที่ศาลเจ้าอีกครั้งนึง เพื่อไปกรอกข้อมูลส่วนตัว เหมือนเป็นการไปรับบรีฟกลายๆ ว่า ในวันทำพิธี ขั้นตอนจะมีอะไรบ้าง แล้วเราจะเตรียมตัวยังไง ศาลเจ้าจะเตรียมอะไรให้เรา ทุกอย่างเป๊ะหมด ขนาดว่าถ้าจัดงาน 10 โมง ฝนตกยังไงก็ต้องเริ่ม 10 โมง ซึ่งวันงานของฟิล์มฝนตกจริงๆ (หัวเราะ)
ว่ากันด้วยเรื่องกิโมโน
ก่อนจะไปเรื่องพิธี อยากแชร์เรื่องกิโมโนอีกสักนิดนึงค่ะ กิโมโนที่จะใช้จะมีหลักๆ 2 แบบ คือแบบสีขาว กับแบบสีๆ ซึ่งแบบสีขาวจะถูกกว่า แบบสีๆ ก็มีตั้งแต่แบบดั้งเดิมไปจนถึงแฟชั่นเลย ซึ่งจริงๆ ใส่ได้หมด แต่ที่พีคคือ เขาจะมีให้เราแค่ส่วนของกิโมโนชั้นนอก ชั้นใน และผ้าคาดเท่านั้นค่ะ ส่วนเสื้อทับด้านใน ถุงเท้ารองเท้า เราต้องไปหาซื้อเองทั้งหมด แล้วที่แปลกมากคือ จะต้องซื้อผ้าขนหนูผืนเล็กอีก 20 ผืน เพื่อเอามารองตัวเวลาใส่กิโมโน จะได้ดูเต็มๆ พองๆ และประเด็นคือ ห้ามทำเปื้อนเด็ดขาดเลย เพราะกิโมโนตัวนึงราคาเป็นหลักแสน แค่เฉพาะค่าซักก็แพงมากๆๆๆ เลยค่ะ
เตรียมพร้อมด้วยการลองแต่งหน้าทำผมสักรอบนึง
เวลาจัดงานที่ญี่ปุ่น เราจะต้องมีวันลองแต่งหน้าทำผมก่อนด้วยค่ะ ซึ่งช่างที่นั่นก็จะให้เราคิดเองหมดว่าอยากได้แบบไหน ส่วนผมก็ทำได้หลายแบบ จะใส่วิกแบบอังศุมาลินก็ได้ หรือจะทำเป็นทรงดังโงะ เกล้าขึ้นไปแล้วปักดอกไม้ ซึ่งทรงผมก็จะกำหนดแบบของหมวกที่ใส่อีก
สำหรับวันจริง ฟิล์มต้องไปเตรียมตัวแต่เช้าเลยค่ะ ศาลเจ้าจะมีให้เลือกเวลาได้ 3 ช่วง คือจัดงานตอน 10 โมง , เที่ยง และบ่ายสอง เราจะต้องไปแต่งหน้าทำผม และเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อน เพราะแต่งเสร็จจะเข้าห้องน้ำไม่ได้ ส่วนผู้ชายก็ไม่ต้องแต่งหน้าเลย และให้ใส่ชุดสีขาวดำที่เรียกว่าฮากามะ
แต่พิเศษตรงแขนเสื้อจะมีสัญลักษณ์กลมๆ เป็นตราประจำตระกูล เพราะว่าคนญี่ปุ่นเขานามสกุลซ้ำกันเยอะ เลยต้องมีเพื่อให้แยกออกจากกันได้
พอแต่งตัวเสร็จก็จะมีรถแท็กซี่สีดำมารับ ด้านหน้าติดสัญลักษณ์พัด ให้รู้ว่าเป็นรถเวดดิ้ง ไปถึงศาลเจ้าปุ๊บ ก็จะต้องไปพักที่ห้องนึงก่อน ส่วนญาติๆ กับเพื่อนจะมาถึงก่อนงานเริ่ม 30 นาที ตามกฏของศาลเจ้าค่ะ
ละเอียดใส่ใจในทุกขั้นตอน
เรื่องแขกก็เป็นอีกเรื่องที่ละเอียดมาก ศาลเจ้าจะถามเลยว่ามากี่คน แล้วจะให้กระดาษ A4 แบ่งข้างมาซ้ายขวา ฝั่งเจ้าสาวเจ้าบ่าว ให้เขียนชื่อ พร้อมระบุสถานะความสัมพันธ์ เพราะเขาจะจัดลำดับที่นั่งให้ตามความสำคัญด้วยเหมือนกัน
ส่วนตอนก่อนทำพิธี ก็จะต้องล้างมือกันทุกคน โดยคนรับใช้ศาลเจ้าจะเป็นคนล้างให้อีกที
ปกติจริงๆ เขาจะต้องเดินแห่ มีคณะดนตรีโบราณนำหน้า แล้วเราเดินตามค่ะ แต่วันนั้นฝนตก ตั้งขบวนไม่ได้ เราเลยต้องไปตั้งตรงชานหน้าห้องทำพิธีเลย ในห้องทำพิธีด้านหน้าก็จะเป็นเหมือนโต๊ะหมู่บูชา มีส่วนยกพื้นให้บ่าวสาวนั่ง แล้วก็มีโต๊ะกับเก้าอี้เล็กๆ ตั้งอยู่
ตลอดพิธีจะมีคนนำสวด ระหว่างนี้คนรับใช้ศาลเจ้า ก็จะต้มเหล้าใส่จอกเล็กๆ มาให้บ่าวสาวจิบ ซึ่งแขกที่มาก็ต้องจิบตามบ่าวสาวด้วย
พอสวดจบ คุณลุงก็จะอวยพร แล้วก็มีให้สวมแหวน หันหน้าเข้าหาหมู่ญาติ ประกาศว่าเป็นสามีภรรยากันแล้ว หลังจากนั้นคุณพ่อบ่าวสาวก็จะลุกขึ้น กล่าวสุนทรพจน์ เป็นอันจบพิธีค่ะ
เฉลิมฉลองกันต่อด้วยชุดอาหารแบบไคเซกิ
ของฟิล์มจะไม่มีงานกลางคืนต่อ แต่จะเป็นเลี้ยงอาหารดั้งเดิมกับแขก เรียกว่าชุดไคเซกิ เป็นคอร์สแบบโบราณ เขาจะทานกันเฉพาะงานเฉลิมฉลองที่พิเศษจริงๆ เพราะคอร์สนึงแพง ตกหัวละหมื่นบาท (หัวเราะ)
สำหรับการจัดงานครั้งนี้ ฟิล์มประทับใจหลายอย่าง อย่างแรกเลยคือแพลนเนอร์ คนที่ดูแลชุด ดูแลศาลเจ้า ทุกคนน่ารักมากๆ อย่างคุณป้าที่ดูชุดให้ก็เห็นว่าฝนตก ฟิล์มไม่ได้เก็บภาพก่อนทำพิธี ทั้งๆ ที่ปกติ จบพิธีปุ๊บต้องคืนกิโมโนเลย เขาก็ยังเผื่อเวลาให้เราได้ใส่ต่อ เก็บภาพช่วงทานอาหารไปด้วยอีกนิดนึง ทุกคนใส่ใจความรู้สึกของเราจริงๆ
แนะนำบ่าวสาว
คนญี่ปุ่นใส่ใจเรื่องพิธีมาก : เขามองว่าการทำพิธีสำคัญกว่าการเก็บภาพค่ะ คือพิธีจะต้องมี ส่วนรูปจะมีหรือไม่มีก็ได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ให้ถ่ายภาพด้านในพิธี เรื่องนี้เคร่งครัดมาก ต้องระวังกันนิดนึง
แพลนเนอร์มีหลายงบ : มีตั้งแต่แบบไฮโซ ไปจนถึงธรรมดาเลยค่ะ เราต้องรู้ตัวก่อนว่าต้องการแบบไหน อยากจัดยังไง งบประมาณมีเท่าไหร่ แล้วก็บอกงบเขาไปตรงๆ เขาจะจัดการทุกอย่างให้อยู่ในงบได้เอง
อย่าลืมเผื่อเวลามากๆ : เพราะเราต้องไปดูสถานที่จริง ลองชุด ลองแต่งหน้าด้วยตัวเองหมด ดีเทลเยอะจัด แต่รับรองว่าวันงานออกมาแฮปปี้แน่นอนค่ะ