สถานที่แต่งงานที่ใช่ จัดได้ทั้งในห้องและ Outdoor สวนสวย
แฟนของนิลไม่อยากแต่งงานในโรงแรม อยากได้สถานที่แต่งงานที่มีทั้งสวนและห้องจัดเลี้ยง มาเจอ The Apothecary Venue (ดิ อะพอธธิคารี เวนิว) ก็เลือกเลย ตอนหลังพานิลมาดู นิลก็ชอบค่ะ สถานที่สวย แล้วก็สามารถรองรับแขกได้ประมาณ 300 คนกำลังดี ซึ่งเหมาะกับแขกงานเรา รวมทั้งบรรยากาศก็อบอุ่น ทุกคนสามารถเดินหากันได้ ตรงสไตล์ที่ต้องการ นอกจากนี้ที่นี่มีร้านที่โคกันอยู่แล้ว เราหาเพิ่มแค่ช่างแต่งหน้า ช่างภาพ วีดีโอ ชุด เลยรู้สึกว่าง่ายและสะดวกสำหรับคู่เราที่ไม่ค่อยมีเวลา
สถานที่แต่งงานครบวงจร เตรียมงานพร้อมในวันสำคัญ
ตอนเตรียมงาน วันแรกที่ไป ทางทีมงาน Apothecary จะให้เราดูโฟลงานทั้งหมดที่เคยจัด โดยจะมีแพลนและขั้นตอนที่ต้องทำคร่าวๆ มาให้ ว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่เราสามารถปรับตามความต้องการของเราได้ แล้วเราต้องมีลิสต์ข้อมูล เบอร์ติดต่อให้ทีมงาน เพื่อจะได้นำไปจัดการให้ถูก จะมีใบเช็คลิสต์ ช่วยเราจัดลำดับด้วย จะได้เริ่มต้นถูก และอะไรบ้างที่ต้องทำ ซึ่งเราก็สามารถบอกความต้องการได้เต็มที่
ตอนที่คิดงาน ทางทีมงานจะฟังเรื่องราวของคู่เราก่อน ถามกิมมิคเฉพาะงานของเรา ช่วยคิดคอนเซ็ปต์ต่างๆ ซึ่งแต่ละงานจะมีดีเทลไม่เหมือนกัน อย่างงานของนิล แฟนให้คอนเซ็ปว่า กว่าจะหาผู้หญิงแบบนี้ได้ ยากมากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เลยเป็นที่มาของสี Blue Navy หรือน้ำเงินเข้ม ส่วนสีทองมาจาก นิลชอบอะไรระยิบระยับ แวววาว ซึ่งสีนี้เวลากระทบแสงตอนกลางคืนจะดูเหมือนแสงไฟ สวยมาก ให้ความรู้สึกอบอุ่น ทางทีมงานเลยครีเอทออกมาเป็นธีม Blue Night Ocean มานำเสนอ เพื่อให้งานออกมาเท่ๆ วิบวับ แต่อบอุ่น สำหรับคนที่ไม่มีเวลา ต้องการตัวช่วย นิลว่ามาที่นี่โอเคเลย
แต่งสถานที่แต่งงานแบบที่เป็นเรา ว้าวสุด
งานนิลมีจุดลงทะเบียนจุดเดียว อยู่ที่ห้องกลาสเฮ้าส์ทางซ้ายมือ แขกมาถึงก็จะมีเพื่อนสาวสวย 2 คนคอยสวัสดีต้อนรับ ให้ไปตรงนั้น พอเข้าไปก็จะเจอโต๊ะรับของชำร่วยกับสมุดสำหรับผู้ใหญ่อวยพร ส่วนเพื่อนๆ จะมีให้อวยพรในวีดีโอ แต่ถ้าเขิลกล้องจะมาเขียนได้ค่ะ
ที่จุดลงทะเบียนก็จะมีเพื่อนๆ รอรับอยู่ ตรงนั้นเราตั้งรูปตอนเจ้าบ่าวขอแต่งงานไว้ 1 รูปด้วยค่ะ ซึ่งทั้งงานจะมีแค่รูปนี้รูปเดียว ไม่มีมุมแกลอรี่อื่นๆ เราไม่ถ่าย Pre-Wedding เพราะเราต้องการให้แขกเห็นเรามากกว่าเห็นแค่รูป ต้องการให้เราเป็นตัวเดินเรื่องทั้งหมด เราไม่มี Presentation หรือ วีดีโอใดๆ เพราะใช้ตัวเรา พ่อแม่และเพื่อนทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายละคนมาเล่าเรื่องราวความรักของเรา
ส่วนการตกแต่งด้านนอก จะเน้นโคมไฟ มีเทียน ต้นไม้เล็กๆ แม้ว่าเราจะมีพิธีในสวนแต่เราไม่ใช้โพเดียม เพราะเราอยากโชว์ Backdrop ที่มีชื่อของเรา ส่วนใน Luna Hall ห้องโถงยาว เราจัดเป็น Family table ไว้รองรับผู้ใหญ่ที่สุขภาพไม่ค่อยเอื้ออำนวยโดยเฉพาะเลยค่ะ
จัดพิธีแต่งงานง่ายๆ สบายทุกคนที่สุด
งานของนิลเป็นการผสมผสานความต้องการของผู้ใหญ่ในแบบง่ายๆ แม่นิลอยากให้มีพิธีจีนเพื่อความเฮง จึงจัดให้มีพิธียกน้ำชาตอนบ่าย 2 ครึ่ง เพราะไม่อยากให้ทุกคนต้องตื่นเช้า เราจัดพิธีจีนฉบับย่อสุดๆ มาถึงเปิดตัวบ่าวสาว พร้อมวางสินสอดเลย เพื่อให้ผู้ใหญ่สู่ขอตามธรรมเนียม เสร็จจากนั้นก็ยกน้ำชาต่อค่ะ อะไรที่มีความซับซ้อน เราตัดออก เพราะตั้งใจให้เป็นงานที่ทุกคนสบายๆ และมีความสุขที่สุด ไม่ใช่วันที่เหนื่อยที่สุด ฉะนั้นอะไรที่ทำให้ทุกคนเหนื่อย หรือ มีพิธีรีตรองมากๆ ตัดออกหมดเลย
ซึ่งตอนเตรียมพิธีจีนก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แค่ขอความร่วมมือจากทาง Apothecary เรื่องเตรียมเก้าอี้ แล้วก็ประสานให้ช่วยเตรียมน้ำชา ข้าวตอกดอกไม้ และพานแค่นั้น ซึ่งเขาโคกับ Catering อยู่แล้ว ก็จัดมาให้ได้ค่ะ แต่ถ้าต้องการของมงคลอื่นๆ เช่น ขนมอี๋หรือบัวลอย ทีมงานก็เตรียมให้ได้นะคะ
เราจัดงานทั้งในห้องและสวนด้านนอก พองานในห้องที่มีแค่ญาติเสร็จ ประมาณ 4 โมงครึ่ง ก็เป็นพิธีคริสต์ในสวนอย่างง่าย เริ่มที่เปิดตัวเจ้าบ่าวกลางกลาสเฮ้าส์ โดยมีเพื่อนบ่าวสาวเดินนำมาหน้าลานพิธี จากนั้นก็เปิดตัวเจ้าสาว นิลกับป๊าที่ยืนรออยู่ตรงประตู Luna Hall จะเดินออกมาคู่กัน ก่อนที่ป๊าจะส่งต่อมือนิลให้กับเจ้าบ่าว เป็นสัญลักษณ์ฝากให้ดูแลลูกสาวสุดที่รัก
จากนั้นบาทหลวง ซึ่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่นิลกับแฟนรักมากก็มาทำพิธีให้ เริ่มที่พิธีแลกแหวาน ต่อมาพ่อแม่เจ้าบ่าวขึ้นมากล่าวอวยพร ตามด้วยพ่อแม่เจ้าสาว ก่อนที่บ่าวสาวจะให้คำมั่นสัญญาซึ่งกันและกัน และต่อด้วยเรื่องฮาๆ จากตัวแทนเพื่อนของบ่าวสาว และสุดท้ายบ่าวสาวก็กล่าวขอบคุณและเชิญแขกทานอาหารเย็นพร้อมกัน
อาหารเป็นค็อกเทลค่ะ เน้นหลากหลาย สะดวกดี แต่เรามีจานหลักที่เป็นของแขกผู้ใหญ่ เน้นปลา ผัดไทย อะไรที่ทานง่าย อยู่ท้อง แต่ก็ไม่แน่นท้องมากนัก ตอนที่เลือกอาหาร ทาง I do catering จะมีลิสต์อาหารและตัวอย่างมาให้ชิมค่ะ เราเลือกได้นะ ว่าอยากได้อาหารสไตล์ไหน ซึ่งด้วยความที่อาหารอร่อยทั้งหมดอยู่แล้ว นิลจึงเลือกเน้นหน้าตา เวลาถ่ายรูป สวยดีค่ะ โดยเขาจะทำอาหารออกมาให้เข้ากับธีมงานเราเลย อย่างเช่น ปอเปี๊ยะสดไส้ยำทูน่าที่ต้องบีบน้ำยำ งานเราธีมน้ำเงินทอง เขาก็ดีไซน์น้ำยำเป็นสีน้ำเงินให้ น้ำที่ให้ดื่มในสวน ก็เป็นสีน้ำเงิน เสียบมะนาวสีเหลือง ดูเป็นน้ำเงินทอง แขกชอบมาก เนรมิตได้สวยและอร่อยค่ะ
แล้วความน่ารักที่นิลชอบคือ ทางสถานที่เขาคิดคุกกี้ที่เป็นเลข 1 และ 7 มาให้ จะเป็น 11 หรือ 17 ก็ได้ เป็นรายละเอียดที่ทีมงานไปคิดต่อให้ ซึ่งเราชอบมาก เพราะเราคบกันมา11 ปี เป็นเพื่อนกันมา 17 ปี และแต่งงานวันที่ 11 เดือน 11 ปี 17 ซึ่งมันเป็นเลข Lucky Number ของเราสองคน อันนี้ประทับใจมาก
After Party มีเซอร์ไพรส์
ช่วงทานข้าวเราเข้าไปใน Luna Hall เพื่อถ่ายรูปครอบครัวแบบ Family Table และสวัสดีแขกผู้ใหญ่ที่โต๊ะอาหาร เสร็จแล้วก็มาถ่ายรูปกับแขกในสวน ซึ่งสนุกมาก เหมือนเก้าอี้ดนตรี ก่อนจะกลับไปตัดเค้กมินิมอลสไตล์ และป้อนเค้กพ่อแม่ จากนั้นก็ออกมาโยนดอกไม้ด้านนอก และเข้าสู่ช่วง After Party ช่วงนี้ ชอบมากกกก
ช่วง After Party ประเดิมด้วยการเปิดฟลอร์เต้นรำโดยพ่อแม่เจ้าบ่าวกับเพลงWe’ve Only Just Begun ของเดอะคาร์เพนเทอส์ ซึ่งเป็นเพลงที่ท่านทั้งสองใช้เต้นรำวันแต่งงานของท่านเองสมัยเป็นวัยรุ่น ตามด้วยพ่อแม่นิลเต้นรำเพลงรักปักใจ เพลงที่ทั้งสองคนตั้งใจไปลงคลาสเรียนเต้นลีลาสโดยเฉพาะ กลัวน้อยหน้าพ่อแม่เจ้าบ่าว(หัวเราะ) แล้วก็ยังมีเซอร์ไพร์สจากพี่ชายเจ้าบ่าวร้องเพลง All of Me ของ จอห์น เลเจนด์ ให้ด้วย ซึ้งน้ำตาไหล เพราะปกติพี่น้องคู่นี้ไม่ค่อยได้แสดงออกอะไรแบบนี้
ที่เซอรไพรส์ที่สุด คือเจ้าสาวแอนด์เดอะแก๊งค์มาเต้นเซอร์ไพรส์เจ้าบ่าวค่ะ ไอเดียเต้นนี่มาจากเพื่อนๆ ตัวแสบ ที่อยากช่วยทำของขวัญให้เจ้าบ่าว เลยคิดชุดนี้ขึ้นมา เป็นเพลงเต้นแนวเซ็กซี่ เพื่อนๆ บอกว่า ถ้าเต้นน่ารักๆ ธรรมดา เจ้าบ่าวเขาเดาออก ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เลยต้องมาฉีกแนวเต้นเซ็กซี่ให้เขาประหลาดใจ ก็กลายเป็นขำๆ ว่ามาเต้นแบบนี้ก็เป็น(หัวเราะ) หลังจากนั้น ทุกคนในงาน ไม่ว่าวัยไหน ก็เต้นกันสนุกมาก ไม่มีเหลือช่องว่างระหว่างวัยกันเลย
วันนี้สิ่งที่เราประทับใจที่สุดคือ การเต้นรำของพ่อแม่ มันเป็นงานแต่งของเรา 2 คนก็จริง แต่การที่พ่อแม่มาเต้นรำด้วย มันสร้างช่วงเวลาดีๆให้กับท่าน คนวัยนี้ไม่ได้มีโอกาสทำอะไรแบบนี้บ่อยนัก วันพิเศษของเราสองคน เลยยิ่งพิเศษมากกว่าเดิม เราเห็นพ่อแม่มีกิจกรรมร่วมกัน ใช้เวลาด้วยกันตอนซ้อมเต้นรำ ได้โอบกอดกัน มันไม่ใช่แค่เราที่มีความรู้สึกดีๆในวันสำคัญ แต่พวกท่านเองก็ได้กลับมามีความรู้สึกดีๆ ซึ่งมันคือส่วนหนึ่งของความสุขพวกเราด้วย
พ่อแม่คือต้นแบบความสุขของพวกเราก็ว่าได้ เราอยากเดินตามรอยสิ่งดีๆ เหล่านี้ แหวนแต่งงานที่เราใช้ ก็เป็นแหวานเก่าของพ่อแม่แฟนที่เก็บรักษามา 30 กว่าปี มันคือความรักที่ดี ที่เราเห็นเป็นแบบอย่างค่ะ นอกจากนี้นิลก็ประทับใจเพื่อน นิลโชคดีที่ได้เพื่อนสนิทมาช่วยประสานกับทีมออแกไนซ์ จุดนี้สำคัญมาก เพราะมีเพื่อนที่รู้ทุกความต้องการ มาช่วยสื่อสารความเป็นเรากับทีมงานอีกแรง
แนะนำบ่าวสาว
คุยกับพ่อแม่ให้เข้าใจ : นิลชื่อว่าทุกคนจัดงานแต่งงานขึ้นเพื่อให้เกียรติพ่อแม่ทั้ง 2 ฝ่ายที่เลี้ยงเรามา ดังนั้นดูว่าท่านโอเคไหมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถามความต้องการท่าน แล้วนำมาปรับให้เข้ากับความต้องการของบ่าวสาว เปิดใจรับฟัง แล้วเจอกันตรงกลาง งานจะได้ไม่มีปัญหาในความต้องการของทุกคน
อย่าฟังคนอื่นเยอะ เอาที่เราและพ่อแม่พอใจ : อย่าลืมว่านี่คืองานแต่งงานของเรา งานแต่งก็ต้องออกมาเป็นตัวเรามากที่สุดเช่นกัน ไม่ต้องฟังคนเยอะ เพราะเรื่องจะเยอะตาม เราแคร์ใครบ้าง ฟังแค่คนนั้น แค่คนสำคัญเท่านั้นพอ
ปล่อยวาง ยิ้มไว้ เชื่อใจคนอื่น : งานแต่งเป็นงานที่ละเอียดอ่อน แล้วจะมีปัญหาตลอด ทุกอย่างที่วางไว้อาจไม่ได้ 100% อยากให้ทำใจดีๆ ยิ้มไว้ให้เยอะที่สุด ซึมซับเวลาแห่งความสุขในวันของเราให้มากที่สุด แล้วต้องไว้ใจคนที่ทำหน้าที่ เพราะบ่าวสาวไม่สามารถไปคอนโทรลทุกอย่างเองได้ ไม่ต้องกังวล ปล่อยวาง ให้ทุกคนทำหน้าของเขา แล้วทุกอย่างมันจะออกมาดีเอง go with the flow
Credits & ร้านค้าแนะนำในบทความนี้