เลือกสถานที่เป็นเรือนไทย รายล้อมด้วยธรรมชาติ
เหมียวเลือกจัดงานหมั้นเช้าเลี้ยงเที่ยงของเรา ที่เรือนพฤกษารีสอร์ท ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีค่ะ เราดูเรือนไทยมาหลายที่ ประกอบกับพ่อแม่บ่าวสาวอยู่ต่างจังหวัด จึงอยากได้สถานที่ที่มีที่พักด้วย ที่นี่มีครบ แถมอยู่ไม่ไกลจากบ้านเจ้าบ่าว ตัวเรือนไทยก็มีหลายหลัง มีหอประชุม มีศาลาสำหรับทำพิธีได้ แถมยังมีลานว่างและใต้ถุนด้วยค่ะ
อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบมากๆ คือบรรยากาศของที่นี่รายล้อมด้วยธรรมชาติ มีต้นไม้ มีคลองไหลผ่าน ให้ความรู้สึกเหมือนจัดงานที่บ้าน ดูอบอุ่น สบายๆ กำลังดีค่ะ
เฉดสีขาวเขียวสุดคลาสสิก
การจัดวางพื้นที่ เหมียวเลือกใช้หอประชุมสำหรับรองรับแขกผู้ใหญ่ พื้นที่จริงจุได้ประมาณ 100 คน เหมียวกันไว้สำหรับ 60 คนในส่วนนี้ จะได้ไม่อึดอัดค่ะ ส่วนอีกประมาณ 200 คน กระจายไปยังบริเวณริมสระน้ำกับใต้ถุนเรือนไทย
การตกแต่งงาน ภาพรวมเราอยากได้โทนสีขาวและเขียวเป็นหลัก การตกแต่งสถานที่จะแซมดอกไม้สีชมพูเข้าไปเล็กน้อย ให้เข้ากับสีชุดไทยของเจ้าสาว นอกจากนี้เรายังได้ภาพจากอาจารย์และศิลปินหลายๆ ท่านมาเป็นของขวัญวันแต่งงาน เนื่องจากเหมียวเองก็เป็นครูศิลปะอยู่แล้วด้วย ที่พิเศษหน่อยคือวันที่เราจัดงานนั้นตรงกับวันซ้อมรับปริญญาของมศว อาจารย์หลายๆ ท่านที่สะดวกก็สละเวลามา จบงานแล้วก็รีบกลับมหาลัยกันค่ะ (หัวเราะ)
ชุดไทยในฝัน สง่างามทุกรายละเอียด
เรื่องชุดที่ใส่ในวันงานเหมียวก็ให้ความสำคัญมาก ส่วนนึงเพราะเห็นชุดไทยอาจารย์วีรธรรมที่คุณนุ่น วรนุชใส่สมัยแต่งงานค่ะ คิดมาตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่าสวยเพอร์เฟ็กต์มาก ถ้าได้แต่งจะต้องใส่เจ้านี้ให้ได้ (หัวเราะ) ก่อนแต่งสัก 3-4 ปีก็เริ่มหาเลยค่ะ จนสุดท้ายมาได้คอนแทคจากเพื่อนที่รู้จักกับอาจารย์พอดี เรียกว่าจองชุดก่อนจองสถานที่เลย
พิธีการไทยแท้แบบครบสูตร
พิธีการของเหมียวจะเริ่มด้วยพิธีสงฆ์ ซึ่งบ้านเราเคร่งเรื่องพระที่จะนิมนต์มาค่ะ เราชอบไปวัดสังฆทาน มีพระอาจารย์ที่เราเคารพ จึงนิมนต์มา 9 รูป เวลาสวดท่านจะแปลไปด้วย ทำให้เข้าใจมากกว่าสวดแบบบาลีล้วนๆ เป็นสิริมงคลต่อการแต่งงานจริงๆ
ในช่วงนี้เหมียวเลือกใส่ชุดไทยสไบสีชมพูกลีบบัว กับกรองทองปักปีกแมลงทับ ผ้าถุงสีครีม พอเข้าสู่ช่วงรับตัว ก็ไปเปลี่ยนเป็นสไบสีทับทิม แล้วรอเจ้าบ่าวอยู่ที่สวน ตรงข้ามหอประชุมค่ะ
หลังจากรับตัวกันเสร็จ เราก็จะขึ้นไปทำพิธีหมั้น เจ้าบ่าวจะอยู่ในชุดสีครีม โจงกระเบนเข้าชุด โดยพานขันหมากทั้งหมดเราได้ออแกไนซ์ช่วยเตรียมให้ค่ะ มี 22 พาน ทั้งงานจะเป็นเลข 2 หมดเลย แม้กระทั่งขนมฝอยทอง ทองหยิบ ขนมเปี๊ยะ ทุกอย่างจะชั่งแล้วได้ 2.22 กิโล
พิธีหมั้นเราเริ่มตั้งแต่กราบคุณพ่อคุณแม่ นับสินสอดทองหมั้น มีนายพิธีเรียงให้ คุณพ่อคุณแม่โปรยข้าวตอกดอกไม้ แล้วคุณแม่เจ้าสาวก็แบกสินสอดทองหมั้นค่ะ หลังจากนั้นจะเป็นช่วงสวมแหวน และรับไหว้
ญาติผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิงเหมียวเตรียมผ้าคลุมไหล่ เป็นผ้าฝ้ายสุโขทัยจากร้านระเบียงฝ้ายไว้ให้ เลือกโทนสีปีกแมลงทับ เขียว ครีม ให้เข้ากับคอนเซ็ปต์งาน ส่วนญาติที่เป็นผู้ชาย เราเลือกแก้วเบญจรงค์ค่ะ
ก่อนช่วงรดน้ำสังข์ เจ้าบ่าวจะเปลี่ยนโจงกระเบนเป็นสีม่วง จบพิธีแล้วเราก็ไปส่งตัวค่ะ ซึ่งในงานนี้คุณแม่เจ้าบ่าวจะคัดคนที่มาทำพิธีให้ ท่านจะดูว่าเป็นคนดีไหม พื้นฐานครอบครัวเป็นยังไง คัดคนที่ดีที่สุดมาเป็นผู้ใหญ่ให้ฝ่ายเหมียว เพราะบ้านเราเป็นคนเหนือหมด คุณพ่อคุณแม่ท่านก็ค่อนข้างขี้อาย ไม่พูดภาษากลางกัน เลยให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพูดให้แทนค่ะ
อบอุ่นด้วยบรรยากาศเป็นกันเอง และอาหารแสนอร่อย
เสร็จจากจุดนี้ แขกก็จะเริ่มทยอยทานอาหาร เหมียวสั่งอาหารไว้หลากหลาย ทั้งสำหรับเพื่อนที่เป็นอิสลาม ซึ่งไม่ทานหมู และสำหรับคนพุทธทั่วไป โดยเลือกเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ค่ะ แขกผู้ใหญ่เราจะจัดเป็นเซ็ตบนโต๊ะให้ จะได้ไม่ต้องเดินมาก เมนูเด็ดๆ จะมีไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ น้ำมะตูม หมดเร็วมากๆ เจ้าสาวไม่ทันทานค่ะ (หัวเราะ) นอกจากนี้เรายังเตรียมไอศกรีมกะทิเจ้าดังมา 2 ถังใหญ่ มีขนมวุ้นมะพร้าวจากอัมพวา เรียบร้อยแล้วก็เริ่มถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันค่ะ
ตลอดทั้งงานเหมียวประทับใจออแกไนซ์มาก อาหารอร่อย รวมถึงชุดไทยที่เราใส่ก็สวยงาม ตอนแรกเรากังวลมากว่างานจะออกมาเรียบร้อยไหม แต่ทุกฝ่ายเป็นมืออาชีพ สถานที่จัดเตรียมคืนเดียวก็เรียบร้อย บ่าวสาวเรายิ้มอย่างเดียวเลยค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
รีบหาวัน หาสถานที่ และชุดให้เรียบร้อย : เพราะอย่าลืมว่าคู่อื่นๆ ก็อาจมีวันมงคลวันเดียวกับเราค่ะ ถ้าอยากได้อะไรที่ถูกใจ เป็นสไตล์ที่ชอบ ก็ต้องรีบจับจองให้เร็วที่สุด องค์ประกอบอื่นๆ อย่างการ์ด ของชำร่วย หรือของรับไหว้ กลุ่มนี้ตามมาทีหลังได้ค่ะ
ขยันถาม : เวลาคุยงานกับทีมงานใดๆ ก็ตาม ให้เราถามให้ชัวร์ที่สุด ไม่ใช่ว่ากลับบ้านไปแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมอันนั้นอันนี้ บางอย่างถ้าถามดีๆ อาจได้ส่วนลดส่วนต่าง เปลี่ยนแปลงดีเทลได้อีกค่ะ