The House on Sathornสถานที่แต่งงาน Outdoor แบบไทย กลิ่นอายโคโลเนียล
อ้อเลือกจัดงานหมั้นที่ The House on Sathorn (เดอะ เฮ้าส์ ออน สาทร) เพราะมีความฝันอยากจะจัดงานแต่งงานกึ่ง Outdoor ในสวนค่ะ เราอยากได้สถานที่ที่ดูคลาสิก ตอนแรกกะจะจัดงานฉลองด้วย แต่ผู้ใหญ่อยากให้จัดในโรงแรมมากกว่า เลยจัดพิธีหมั้นแบบตามใจเราไปเลย เลือกที่ที่เราชอบเต็มที่
ที่นี่นอกจากจะเดินทางง่าย รถไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว เรื่องภาพรวมถือว่าดูดีมาก แขกเรา 100 คน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะสำหรับพิธีหมั้นเหมือนกัน ที่นี่ก็รองรับได้สบายๆ โชคดีที่วันงานอากาศดี เย็นสบาย ฝนไม่ตก (ทั้งที่ก่อนหน้านั้นตกทุกวัน 555) ก็เตรียมแผนสองไว้ว่าถ้าฝนตกจริงๆ ก็จะมูฟแขกเข้าไปด้านในค่ะ
ทุกมุมสวย รุ่มรวยด้วยรสนิยมเรื่องอาหาร
เรื่องการประสานงานกับทีมโรงแรม เขาวางแผนกับเราดีมาก มีการเตรียมความพร้อม จัดการทุกอย่างได้รวดเร็ว อีกประเด็นที่ชอบตัวสถานที่คือมีทางลาดบริเวณงานสำหรับรถเข็น สะดวกกับแขกผู้ใหญ่ อาหารก็อร่อย แขกชมทุกคน ในแพ็กเกจมีอาหารช่วงพักเบรก หลังพระสวด เขาก็จัดมาให้เต็มที่ มีติ่มซำ ข้าวต้ม รสชาติดี อาหารสำหรับพระฉันก็จัดมาให้เยอะเลย เป็นถาดชุดเฉพาะ
หลังจบงานเราจัดเลี้ยงเป็นบุฟเฟ่ต์ เซลล์ก็แนะนำเมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาด ที่สำคัญคือมีเก็บอาหารไว้ให้บ่าวสาวโต๊ะนึงด้วย ประทับใจเลย แล้วก็ถ้าจัดงานที่นี่ จะได้พรีเวดดิ้งในสถานที่ฟรี ซึ่งปกติจะไม่สามารถเข้ามาถ่ายได้ ต้องจัดงานที่นี่เท่านั้นค่ะ
วันงานเราสามารถไปแต่งหน้าในโรงแรม W Bangkok ที่อยู่ข้างๆ ได้ เขาให้ห้องพักใหญ่ ตอนเช้าก็มาแบบสวยๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะแต่งหน้ากับสถานที่กึ่ง Outdoor แล้วจะออกมาไม่งามค่ะ
สำหรับคอนเซ็ปต์ของอ้อ เราอยากได้โทน Natural Garden เฉดสีเขียวแซมดอกไม้ ดูงานตกแต่งของ Summer Sunde’ แล้วก็แปลกตาดี ไม่เหมือนใคร มีเอกลักษณ์ น่าจะเข้ากับงานของเราได้ดีค่ะ ไอเดียที่ได้เพิ่มเติมมาจากทีมนี้คือชื่อบ่าวสาว (อ้อกับอุ้ม) เราขึ้นต้นด้วยตัว O เหมือนกัน ตรง Backdrop เลยทำเป็นวงกลม ซึ่งเราดึงตรงนี้ไปใช้ในงานเย็นได้อีกที เป็นกิมมิคเบาๆ แล้วเวลาแขกมาถึงงาน เราก็ให้ช่วยประทับตรานิ้วเป็นใบไม้ บนภาพวาดรูปต้นไม้ที่เพื่อนวาดให้ด้วย ยิ่งแขกมาเยอะ ต้นไม้ของเราก็ยิ่งใหญ่ขึ้น สมบูรณ์ขึ้นค่ะ
เก๋ไก๋ด้วยไอเดียนำดอกไม้กลับบ้าน
อีกส่วนที่ชอบคือซุ้มตรง Outdoor ก่อนถึงที่นั่งในสวน การตกแต่งตรงนี้ทำให้สถานที่ดูเป็นงานของเรามากขึ้น พอมาบวกกับชุดเพื่อนเจ้าสาวที่เป็นสี Pale Dogwood ชมพูอ่อนๆ แซมสีส้ม ก็เข้ากับธีมงานพอดี ออกมาดูลงตัว กลมกลืนไปกับสถานที่ แถมยังดูมีมิติด้วยค่ะ และที่สำคัญคือเขาตั้งใจจัดแต่ละส่วนในงานไว้เป็นช่อหมดเลย จบงานแขกสามารถดึงกลับไปได้ ทุกคนชอบกันมาก วันรุ่งขึ้นถ่ายรูปมาโชว์ ว่าดอกไม้งานอ้อยังอยู่เลย
พิธีหมั้นไทยแสนอบอุ่น
งานของเราจะเป็นพิธีหมั้นไทย เริ่มด้วยพิธีสงฆ์ ตักบาตรตรงด้านหน้าสถานที่ จังหวะนี้ถ่ายรูปออกมาสวย มี The House เป็นฉากหลัง เสร็จแล้วก็นิมนต์พระท่านไปที่ Hall จัดงานหลัก จบจากนี้ก็เป็นขันหมาก กั้นประตูกันในสวน แล้วก็สวมแหวน รับไหว้ หลั่งน้ำพระพุทธมนต์
ช่วงที่อ้อชอบมากคือตอนมารับตัว เราเลือกมุมที่เป็นโซฟา ดูคลาสิก ซึ่งจริงๆ ที่นี่มีมุมสวยๆ หลายจุด อ้อเห็นหลายคนที่จัดงาน ก็เลือกจุดรับตัวไม่เหมือนกันเลย บางคนก็เลือกบาร์ด้านล่าง ดูชิคๆ กันไป ส่วนของรับไหว้ช่วงพิธี เราเลือกหมอนตามที่คุณย่าอยากได้ เห็นว่างานพี่สาวอ้อ คุณย่าก็ได้หมอน แล้วนำไปกอดทุกวัน เราเองก็อยากให้หมอนด้วยเหมือนกัน
การรวมตัวกันของคนที่รักที่สุด
การจัดเลี้ยงช่วงท้ายงาน ตอนแรกเราตั้งโต๊ะกลมไว้สำหรับแขก VIP ไว้ใน Hall แล้วพื้นที่ในสวนเตรียมไว้สำหรับเพื่อนๆ แต่วันจริงอากาศดีมาก คนมานั่งข้างนอกกันเยอะเลย เป็นบรรยากาศที่ดีมากจริงๆ
สำหรับอ้อ งานนี้ซึ้งตรงที่เป็นงานที่คนที่เรารักมารวมตัวกัน ญาติสนิท เพื่อนสนิท ทุกคนตั้งใจ เต็มใจมา ยิ้มแย้มกันทุกคน เพื่อนที่อยู่เมืองนอกก็วิดีโอคอลมา คนที่เราไม่คิดว่าจะมาได้ ก็มากันหมด ญาติๆ ที่ไม่ได้เจอกันหลายปี เป็นงานที่ทุกคนให้ความสำคัญ ทำให้เรารู้สึกว่ามันดีจริงๆ เลย ที่เราสองคนมาถึงจุดนี้ จุดที่เราจะเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน
บรรยากาศในวันงานมีครบทุกอารมณ์ ทั้งขำๆ ฉากตลก เวลาเพื่อนผู้ชายเต้น หรือตอนแอบดูกั้นประตูจากชั้นสอง ที่เห็นงานพิธีทั้งหมด เห็นฉากเจ้าบ่าวทำซึ้ง ตอนเพื่อนให้เขียนข้อความ ชูขึ้นให้เราดู ในนั้นเขียนว่า ‘สัญญาว่าจะไม่ทำให้เสียใจ และจะดูแลให้ดีที่สุด’ เป็นอีกวันที่มีความหมายจริงๆ ค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
คิดไว้แต่แรกว่าอยากได้งานแบบไหน : เอาที่ใจเราอยากได้ แล้วดูว่าเป็นไปได้ไหมค่ะ อย่างของอ้อ งานฉลองผู้ใหญ่อยากให้อยู่ในโรงแรม เราก็ทำงานหมั้นตามใจเรา การแต่งงานเป็นการเริ่มต้นใหม่ ควรเริ่มต้นด้วยสิ่งดีๆ ไม่เริ่มต้นด้วยความขัดแย้งกัน
พูดคุยกับคู่ของเราตรงๆ : ใครจะซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายส่วนไหน รับผิดชอบอะไรบ้าง ควรสนุกไปกับการเตรียมงาน ไม่เครียดมากจนเกินไป วันงานทุกอย่างผ่านไปเร็วจริงๆ เอนจอยกับมัน เก็บเกี่ยวช่วงเวลาดีๆ ให้มากที่สุด อะไรที่เป็นข้อผิดพลาดก็ปล่อยมันไปค่ะ