เตรียมงานเบาใจ ให้ทีมงานมืออาชีพเป็นผู้ช่วย @The Landmark Bangkok
ผมกับเจ้าสาว (คุณทราย) เรามีเวลาเตรียมงานกันมาประมาณ 2 เดือนครับ ตอนแรกเราตั้งใจจะจัดกันที่สวนของตัวเอง (สวนกล้วยไม้ไทย) พื้นที่กว่า 350 ไร่ บรรยากาศสวยงาม เคยรองรับคณะประชุมอาเซียน แต่เนื่องจากช่วงจัดงานเป็นฤดูฝน เลยมองหาสถานที่จัดงานแต่งงานเป็นโรงแรมดีกว่า ซึ่งหลังจากที่ได้คุยกับพี่นก (Wedding Specialist ของโรงแรม The Landmark Bangkok (เดอะแลนด์มาร์ค กรุงเทพ)) สุดท้ายเราเลยตัดสินใจเลือกที่นี่ เขาเป็นมืออาชีพ รู้งาน ช่วยแนะนำทุกอย่างอย่างเต็มที่ ทำให้เราเบาใจไปกับการเตรียมงานจริงๆ
สถานที่แต่งงานโลเคชั่นสุดเลิศ
ตัวสถานที่เองนอกจากจะใกล้ BTS สถานีนานาแล้ว ยังตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ซึ่งจัดได้ว่าเป็นโลเคชั่นที่รู้จักกันดี และเราได้ฤกษ์จัดงานวันอาทิตย์ แขกผม 70% มาก่อนเวลาสบายๆ
ช่วงเช้าเราจัดพิธีหมั้นจีนธีมสีแดง ซึ่งเป็นสีมงคล โดยหยิบเอาดอกกล้วยไม้สีแดง ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของทางสวนมาใช้ เราเป็นเจ้าแรกที่มีเฉดสีแบบนี้ และยังมีแล็ปอยู่ที่กรุงเทพ ภายหลังย้ายส่วนแพ็คกิ้งไปอยู่ที่ฟาร์มของเราที่ดำเนินสะดวกด้วย ทำให้การขั้นตอนทุกอย่างกระชับและสะดวกขึ้นมากครับ
พิธีหมั้นท่ามกลางแสงสวยๆ
ห้องที่เราใช้ในงานเช้าคือห้อง Conservatory ซึ่งเป็นเหมือนเรือนกระจก สำหรับผมห้องนี้เวิร์คสุดๆ ตอนไปดูตัวอย่างในงานที่เขาจัด Showcase เขาจะมีสเตจเป็นเวทีด้วย แต่วันจริงของผมเราใช้วิธีปูพรมแทน จะได้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นอีก เราเชิญแต่แขกที่เป็นญาติและคนสนิทมา ได้พี่นกช่วยเตรียมพนักงานให้ งานเช้าก็รันงานไปได้ราบรื่น
ลำดับพิธีสำหรับช่วงนี้จะเรียบง่าย มีแห่ขันหมาก กั้นประตู สวมแหวน ยกน้ำชา ของชำร่วยเป็นผ้าห่มซึ่งแบ่งเป็นสองแบบ สำหรับแขกทั่วไปและแขก VIP ซึ่งจะเป็นแบบพรีเมียม ได้ทีม ตั้ง จิ้น ย้ง มาช่วยจัดการอุปกรณ์ในพิธีให้ เตรียมสินสอด แหวน ชุด แค่นี้ก็เริ่มงานได้แล้วครับ (หัวเราะ)
สำหรับอาหารในช่วงเช้า เรามีโจ๊กซึ่งเป็นเมนูเด็ดของทางสถานที่ แขกชมว่าอร่อยมาก บอกว่ารสชาติดี ชนิดที่หลายท่านบอกเลยว่าถ้ามาที่นี่ ต้องกินเมนูนี้เลยครับ
โดดเด่นด้วยห้องบอลรูมสวยสะดุดตา
งานฉลองช่วงเย็นผมใช้ห้องบอลรูมซึ่งอยู่ในชั้นเดียวกัน ตัวห้องดีมากตรงที่เวลาเดินเข้าไป จุดโฟกัสจะพุ่งไปอยู่ตรงเวทีเลย ทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมา ตรงกลางห้องเราดีไซน์ซุ้มเอาไว้ ร้อยดอกไม้ขึ้นไปให้เป็นโมบายครับ
จุดที่ต้องระวังนิดนึงคือห้องนี้จะมีเสาข้างๆ แต่เขาแก้ปัญหาได้ดีมาก เพราะมีจอโปรเจ็กเตอร์เยอะ ทีมเซลล์เองก็ดูแลให้แขกโดนบังน้อยที่สุด แล้วทุกคนก็ชมภาพได้ทั่วถึงด้วย กลายเป็นข้อดีไป
อลังการงานกล้วยไม้งามสะพรั่ง
เครดิตการคิดธีม ผมยกให้เจ้าสาวหมดเลย โจทย์ของเขาคือไม่อยากเหมือนใคร เลยใช้ธีมสีเหลืองทอง ช่วงนั้นเราคำนวณด้วยว่ากล้วยไม้เฉดสีเหลืองส้มทองจากทางสวน น่าจะมีพอใช้ได้ เลยนำมาแม็ตช์ใช้ร่วมกันในการตกแต่ง
ตรงทางเข้าซุ้มประตูคุณพ่อเจ้าสาวก็ช่วยคิดให้ ด้วยความที่ท่านเป็นวิศวกรด้วย แนวคิดทางด้านนี้จึงเชื่อถือได้ นอกจากนี้ท่านยังอยู่ในวงการกล้วยไม้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ปี เป็นอดีตนายกสมาคมผู้ส่งออกกล้วยไม้แห่งประเทศไทย 5 สมัย พื้นที่ตรงนั้นจึงดูสมบูรณ์สวยงาม เนืองแน่นไปด้วยดอกกล้วยไม้ไล่เฉดสี
ของชำร่วยจากความตั้งใจของคุณแม่
ส่วนของชำร่วยที่ใช้ อันนี้คุณแม่ของผมช่วยจัดเตรียมให้ เป็นแจกันทองเหลือง 500 คู่ 2 ไซส์ ใส่ดอกไม้ไหว้พระได้ พกพาไม่ลำบากครับ แพ็คเกจจิ้งเป็นกล่องพับจีบ 4 มุม ผูกริบบิ้นเป็นโบว์ พอดีกับตัวแจกันเลย วางก็ไม่ล้ม เหมาะเจาะ
Backdrop เราตกแต่งด้วยผ้าขาว ทำเป็นริ้วโค้งให้ดูลึกเข้าไป ตกแต่งด้วยดอกกล้วยไม้ ทำให้มีสีสันและดูมีมิติแบบสามมิติ ตรงนี้จะเบลนโทนของงานอีกหน่อย ไม่อยากให้เป็นงานกล้วยไม้จ๋า เลยจะออกสไตล์โมเดิร์นนิดนึงครับ
อาหารช่วงเย็นผมใช้เป็นโต๊ะจีน ตอนแรกพยายามสโคปจำนวนแขกให้อยู่ที่ 500 คน แต่ด้วยคุณพ่อเจ้าสาวท่านมีแขกที่ชื่นชมท่านเยอะ และเป็นที่รู้จัก ลงท้ายเราเลยมีทั้งหมดเกือบ 60 โต๊ะ เสริมโต๊ะกันเท่าที่โรงแรมจะเสริมได้เลยครับ แล้วนั่งเต็มทุกโต๊ะ ชนิดที่ประธานในพิธีอย่างท่านสันต์ ศรุตานนท์ ยังเอ่ยปากเลยว่าไม่เคยไปงานไหนที่คนแน่นขนาดนี้จริงๆ ไม่มีที่ว่างเลย และทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันจนจบงาน
เปิดตัวด้วยพิธีการตรึงใจ ได้อารมณ์แบบฝรั่ง
สำหรับพิธีการ เรามีเปิดภาพพรีเวดดิ้งกับบทสัมภาษณ์นำไปก่อน หลังจากนั้นพิธีกรจะประกาศเปิดตัวบ่าวสาว มีการเปิดเพลง ผมจะเดินถือช่อดอกไม้ออกมาจากตรงเวที เจ้าสาวควงแขนมากับคุณพ่อ รออยู่ตรงซุ้ม พอผมรับตัวเจ้าสาว มอบช่อดอกไม้ให้แล้ว เราก็ขึ้นเวทีโดยมีเพื่อนๆ โปรยดอกไม้ให้ระหว่างทางครับ
ถัดจากนั้นเป็นการเรียนเชิญประธานทั้งสามท่านขึ้นมากล่าว มีสัมภาษณ์บ่าวสาว กล่าวขอบคุณ ตัดเค้ก โยนดอกไม้ ที่แฮปปี้ที่สุดเลยคือการได้เห็นว่าทั้งงานนั้นผ่านพ้นไปด้วยดี ดีใจที่ทุกอย่างออกมาโอเค ฟีดแบคจากทุกคนบอกว่างานออกมาดีมาก ขนาดเราเพิ่มโต๊ะพิเศษ คิดว่าอาหารจะพอไหม ปรากฏว่าวันงานจริงก็พอ ทีมงานทางโรงแรมเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี เสริมโต๊ะไว เสิร์ฟอาหารได้ทันเวลา ทำให้ทุกคนได้อาหารครบ ซัพพอร์ตแขกจนงานลุล่วงไปได้ด้วยดีครับ
แนะนำบ่าวสาว
มีเวลาเตรียมงานน้อย ไม่ได้เป็นปัญหา : อย่างของผมเอง มีเวลา 2 เดือน พอบทจะทำขึ้นมาจริงๆ มันก็ทันอยู่นะครับ ผมใช้เวลาอาทิตย์ละสองวันในการเตรียมงาน หลักๆ ที่บ่าวสาวต้องทำคือลิสต์รายชื่อแขก ยิ่งถ้าแขกผู้ใหญ่เยอะ ก็กระจายให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยลิสต์ด้วย นอกจากนั้นก็มีพวกเรื่องของชำร่วย การ์ด (ที่เดี๋ยวนี้ก็มีแบบสำเร็จรูปสวยๆ ให้เลือกเยอะ) สิ่งที่เราต้องตัดสินใจเองมีไม่เยอะเลย ยิ่งมีแพลนเนอร์ช่วยดูแลเรื่องตกแต่งพิธีการ เบาใจได้เลยครับ ไม่ต้องกังวล
Credits & ร้านค้าแนะนำในบทความนี้
สถานที่แต่งงาน:
The Landmark Bangkokช่างภาพ วิดีโอ:
Wheneverlove Photography