งานแต่งที่ผสมผสานแรงบันดาลใจจากโบสถ์คริสต์และดอกไม้สีขาว ผ่านพิธีการที่เต็มไปด้วย Magical Moment ของคุณเจมส์-คุณบิ๊ก
บิ๊กเป็นลูกครึ่งกัมพูชา-ไทย ส่วนเจมส์มาทำงานที่กัมพูชา กลายเป็นว่าเพื่อนและคนสนิทอยู่ที่นี่หมดแล้ว พอจะจัดงานแต่งงานจึงคิดว่าจัดที่กัมพูชาสะดวกกว่าครับ โดยเลือกสถานที่อย่าง Sofitel Phnom Penh Phokeethra เพราะตรงกับโจทย์ที่คิดไว้ ทั้งบรรยากาศเรียบหรู เดินทางสะดวก เซอร์วิสระดับ 5 ดาว และขนาดกำลังดีสำหรับแขก 400-500 คนครับ
นำเสนอซิกเนเจอร์ของแบรนด์ผ่านงานแต่งของตัวเอง
เนื่องจากเราทั้งคู่มีธุรกิจด้วยกันคือ Lust Wedding Design ให้บริการออกแบบตกแต่งงานแต่งงาน จึงฟอร์มทีมใหม่ขึ้นมาเพื่อรองรับงานแต่งของเรา โดยนำนิยาม ‘Magic is desire made real’ เสกทุกความปรารถนาให้เป็นจริงได้ มาทำให้เห็นภาพชัดขึ้นผ่านงานของเราครับ
ต้องบอกก่อนว่าเจมส์เป็นคริสเตียน มีความฝันอยากจัดงานแต่งงานในโบสถ์ ส่วนบิ๊กชอบความเรียบง่ายและสีขาว จึงคุยกับทีมว่าอยากได้งานคลีน แต่ให้ความรู้สึกหรูหรา โดยใช้จุดเด่นระหว่างโครงสร้างของโบสถ์ ดอกไม้สีขาว และความคลาสสิก รวมถึงเน้นคริสตัล จะเห็นว่าในงานเรามีความแวววาว ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายคริสตัล แชนเดอร์เลีย แก้วบนโต๊ะ เวลากระทบกับแสงไฟและเทียนจะทำให้งานดูเป็นประกาย
นอกจากนั้น เราเลือกครอบห้องด้วยการปูพรมและขึ้นผ้าสีดำทั้งหมด เพราะอยากให้แขกเข้ามาแล้วรู้สึกถึง Magical Moment ครับ ซึ่งก็แอบมีข้อถกเถียงกับผู้ใหญ่เพราะมองว่าสีดำไม่ค่อยมงคล แต่ดีไซน์ที่ออกมากลับทำให้ทุกคนลืมภาพของสีดำไปเลยครับ
ทุกดีเทล ทุกเวนเดอร์ คัดสรรมาอย่างตั้งใจ
หลังจากได้ภาพรวมของงานแล้ว เราก็เริ่มหาแพลนเนอร์ ตั้งใจเลือก Ladawan The Wedding Planner เพราะความเป็นมืออาชีพเลยครับ ตอนแรกจะใช้บริการ Lighting & Sound เท่านั้น เนื่องจากแสงกับเสียงเป็นส่วนที่สร้างอารมณ์และทำให้งานออกมาสมบูรณ์แบบ แขกจะละสายตาจากอาหารมามองคู่แต่งงานได้ ขึ้นอยู่กับ 2 องค์ประกอบนี้ เราจีงให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ แต่ทางลัดดาวัลย์ก็ยินดีที่จะช่วยรันคิวด้วย ซึ่งก็คิดไม่ผิดครับ เขาทำได้ไม่มีที่ติเลย
อีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันคือช่างภาพ เราใช้ทั้งหมด 5 เจ้า ของไทยใช้ Mug Wedding เน้นถ่าย cinematic ถ่ายทอดเรื่องราว และ Coffeoto จะฟุ้ง ๆ สว่าง ๆ ถ่ายยังไงก็สวย รวมถึงทีม Local อีก 3 เจ้า เพราะเขารู้จักแขกเยอะ เรียกว่าได้ภาพครบและหลากหลายแนวครับ
พิธีหมั้นแบบไทยผสมจีน สดใสสบายตาในธีมสีขาว-ฟ้า
เรามีเวลาแค่ 12 ชั่วโมงในการจัดสถานที่ ตอนเช้าเป็นพิธีหมั้นแบบไทย เราวางสีหลักในการตกแต่งไว้เป็นธีมสีขาว-ฟ้า-น้ำเงิน ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกระเบื้องลายครามครับ โดยใช้ดอกไม้สีตามธีมตกแต่งบริเวณแบ็คดรอปและจุดรับตัว โลโก้เป็น ส-ธ ภาษาไทย ซึ่งเป็นตัวอักษรแรกในชื่อจริงของทั้งคู่ และนำโลโก้นี้ไปใส่ในขันหมากแต่ละพานด้วยครับ
ส่วนพิธีการเน้นอบอุ่น เริ่มจากแห่ขันหมาก กั้นประตูเงิน-ประตูทอง เพื่อน ๆ ต่างชาติ ซึ่งมาจากหลายพื้นที่ก็จะสนุกกับการคิดเกม แถมยังช่วยละลายพฤติกรรมด้วย
จากนั้นเจมส์ไปรับตัวบิ๊กมาทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน หลั่งน้ำสังข์ ซึ่งพอทุกคนเข้ามาอวยพรและยินดีกับเรา ก็ทำเอาน้ำตาปริ่ม มีความสุขมากครับ เรียบร้อยแล้วเราก็เปลี่ยนชุดเป็นสูทสีน้ำตาลมาทำพิธียกน้ำชา ตามด้วยให้คุณพ่อคุณแม่ขึ้นไปส่งเข้าห้องหอครับ
พิธีฉลองสุดเรียบหรู อัดแน่นด้วยโมเมนต์พิเศษสะท้อนตัวตน
เสร็จจากพิธีหมั้นช่วงเช้า เรามีเวลาพักกินข้าวเล็กน้อย แล้วก็อาบน้ำ แต่งตัวใหม่เลย ต้องรีบทำเวลา เพื่อลงไปซ้อมบล็อกกิ้งต่าง ๆ ครับ
สำหรับพิธีเย็น เริ่มจากแขกรับของชำร่วยที่จุดลงทะเบียน จากนั้นจะเดินผ่านอุโมงค์ผ้าสีดำประดับคริสตัล เพื่อเข้าสู่โซนแบ็กดรอปที่มีโครงโบสถ์สีขาวเป็นฉากหลัง ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวและใบไม้สีเขียว ก่อนจะเข้าสู่ห้องบอลรูมที่เป็นเสมือนภายในโบสถ์สไตล์โกธิคครับ จุดนี้เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้ว แขกสามารถสแกนและโพสต์รูปลงโซเชียลได้เลยครับ
ด้านในบอลรูม เราเซ็ตที่นั่งผสมระหว่าง Long Table และโต๊ะกลม ถัดมามีภูเขาดอกคัตเตอร์สองฝั่งสูงเกือบ 10 เมตร ใช้เป็นจุดตัดเค้กด้วย ส่วนตรงกลางฮอลล์เป็นทางเดินยาวตรงไปสู่ตรงเวที ซึ่งมีฉากสีขาวและจอ LED ที่เราทำกราฟฟิกขึ้นมาโดยเฉพาะ ภาพจะเป็นโบสถ์ที่เหมือนลอยอยู่บนสวรรค์ โทนสีต่างกันไปเรื่อย ๆ ตามซีเควนซ์ของงาน อย่างตอนเต้นรำจะเป็นซีนดาวตกครับ
เมื่อวิดีโอพรีเซนเทชั่นพรีเวดดิ้งจบลง ก็เป็นช่วงเปิดตัว โดยเจมส์เดินมาพร้อมคุณพ่อคุณแม่ก่อน จากนั้นบิ๊กถือช่อดอกไม้ Lily of the valley เดินมากับคุณแม่ แล้วมาส่งตัวให้เจมส์กลางเวที โดยไฟจะฟอลโลว์เขา พร้อมกับเปิดเพลง 'Golden Hour' เวอร์ชั่นออเครสต้า ที่เราเคยฟังด้วยกันแล้วมองหน้าเลยว่าต้องใช้เพลงนี้
ความพิเศษอีกอย่างคือช่วง First Dance ในเพลง 'Until I Found You' ซึ่งเราซ้อมเต้นรำมากว่า 2 เดือน เจมส์ต้องหมุนบิ๊กประมาณ 5-6 รอบ แล้วพื้นลื่นมาก ตอนนั้นต้องตัดสินใจว่าหมุนหรือไม่หมุนดี แต่เลือกที่จะหมุน เพราะคงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้วในชีวิต กลายเป็นว่าเราทำได้เพอร์เฟกต์ที่สุดตั้งแต่เคยซ้อมมา จนตะโกนออกมาว่า ‘We did it’ พร้อมกับร้องไห้ เป็นโมเมนต์ที่ไม่มีวันลืมเลยครับ
จากนั้นก็จะเป็น Vow Ceremony ระหว่างเรา ครอบครัว และเพื่อน ๆ ทั้งสองฝ่าย ก็น้ำตาแตกเหมือนเดิมเลยครับ ระหว่างนั้นแขกก็ยินดีและซาบซึ้งไปด้วย รู้สึกดีใจนะ เพราะเป็นความฝันลึก ๆ ที่เราแอบลุ้นหน้างานว่าจะทำถึงไหมในเรื่องของอารมณ์
ต่อมาก็เป็นการตัดเค้ก ซึ่งเค้กที่กัมพูชาส่วนมากจะออกแนวดอกไม้ เสาโรมัน ดูเยอะ ๆ พอให้โจทย์มินิมอลไป ทางร้านก็บอกว่ายากที่สุดในการทำเค้กของเขาเลย เสร็จแล้วก็โยนช่อดอกทิวลิปให้เพื่อน เป็นอันจบพิธีการ
สำหรับอาหารจัดเลี้ยงเราเสิร์ฟ Fine Dining 5 คอร์ส เปิดด้วยปอเปี๊ยะกุ้งซิกเนเจอร์ของโรงแรม ต่อด้วยเป็ดย่างหมูกรอบ-หมูชาชู ซุปไก่ดำกับฮะเก๋า เมนคอร์สเป็นปลาหิมะราดซอส และข้าวผัด ปิดท้ายด้วยช็อกโกแลตเค้กครับ
After Party มันส์สุดเหวี่ยง แขกสนุกจนจบงาน
ถึงช่วงปาร์ตี้ เราใช้ DJ Maily ที่มีความสามารถมาก ๆ โดยส่งเพลงให้เขาทำ เปิดด้วยเรายิงปืนควัน แล้วก็มีรินแชมเปญดื่มฉลอง แขกเต้นกันตั้งแต่เพลงแรกจนเพลงสุดท้ายเลยครับ แถมผู้ใหญ่ก็ยังอยู่เยอะมาก เราค่อนข้างเซอร์ไพรส์เหมือนกัน เจมส์เองภาพตัดเลย เพราะไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์มานานมาก (หัวเราะ) จนทางแพลนเนอร์ให้นั่งวีลแชร์ส่งขึ้นไปถึงห้องพัก ถอดเครื่องประดับ ถ่ายรูปไว้ให้ว่าวางไว้ตรงนี้นะ ประทับใจมาก เขาดูแลเราจนจบงานจริง ๆ ครับ
สิ่งที่อยากบอกกับคู่รัก LGBTQ+
เข้าใจว่าหลายคนมีอุปสรรค ไม่ว่าจะครอบครัว สังคม เพื่อน ที่คัดค้านหรือดูถูกเรา แต่ถ้าพร้อมที่จะแต่ง แต่งเลย! ไม่ต้องกลัว อย่ามัวคิดว่าคนอื่นจะมองยังไง และเราอยากจะปรับมุมมองใหม่เกี่ยวกับงานแต่งของกลุ่ม LGBTQ+ ว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเพศอะไร แค่คนสองคนรักกัน ก็สามารถแสดงออกได้บนพื้นฐานเดียวกันครับ
คำแนะนำสำหรับบ่าว-สาว
วางไทม์ไลน์ให้ดี : เมื่อรู้กำหนดงานแต่ง ต้องวางไทม์ไลน์ของตัวเองไว้เลยว่าเวลาที่เหลือจะต้องทำอะไรบ้าง ทำเช็กลิสต์ให้ดี รวมถึงกำหนดพิธีการต่าง ๆ ในงานแต่ง ถ้าเราวางแผนทุกอย่างนิ่งแล้ว ทุกอย่างจะง่ายขึ้น
เลือกทีมที่รู้ใจเราที่สุด : ไม่ว่าจะเป็นเวดดิ้งแพลนเนอร์ ที่เข้าใจและช่วยเหลือจัดการทุกอย่างได้ หรือทีมตกแต่ง ที่ทำให้ความคิดของเราเป็นจริงได้
มีความสุขตั้งแต่เตรียมงานจนถึงวันจริง : การจัดงานแต่งงานมาพร้อมความเครียด อยากให้จัดการอารมณ์และมีความสุขในทุก ๆ เวลา ตั้งแต่เตรียมงาน เลือกของชำร่วย พรีเวดดิ้ง เลือกชุด เลือกรองเท้า ไม่ใช่แค่วันงานวันเดียว