BARN KlongSuan สถานที่แต่งงานวิวธรรมชาติและทะเลสาบ สวยเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลก
นิสากับเตยชอบธรรมชาติ และอยากจัดงานแต่งเอาท์ดอร์ฟีลสวนค่ะ เราไปดูสถานที่แนวนี้มา แต่ก็ยังไม่ถูกใจ จนวันหนึ่งเราเจอโฆษณาของ BARN KlongSuan (บาร์น คลองสวน) และเห็นว่าอยู่ใกล้บ้าน เลยตัดสินใจวอล์กอินไปดู ซึ่งเราตัดสินใจเลือกที่นี่เลย เพราะรู้สึกเหมือนเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง ที่มีบรรยากาศสวน ต้นไม้ และทะเลสาบ ไม่เหมือนในเมือง ทำให้ในงานสามารถโชว์วิวของพื้นที่ได้แบบเต็ม ๆ ค่ะ
นอกจากนี้ เราได้ลองชิมเครื่องดื่มและขนม ก็รสชาติดีด้วยค่ะ และได้เจอกับคุณออยเจ้าของสถานที่ เขาคุยดี น่ารัก รู้สึกถูกชะตามาก ๆ ค่ะ
งานแต่งบรรยากาศดีด้วยพิธี Vow Ceremony สไตล์ตะวันตก
พื้นที่หลักที่เราใช้จัดพิธี คือ บริเวณสวนหน้า Big Barn ค่ะ โดยเราไม่ได้ตกแต่งเยอะเลย เพราะภาพรวมของพื้นที่สวยมากอยู่แล้ว เราเลือกธีมสี 'Spring Color' เป็นเดรสโค้ดของแขก เพราะอยากให้งานดูสวยคลาสสิก ส่วนธีมตกแต่งจะเน้นดอกไม้สีขาวและสีเขียวค่ะ
งานเราไม่มีแบ็คดรอปถ่ายภาพ เพราะที่นี่ ไม่ว่าจะยืนถ่ายตรงไหนก็สวยทุกมุมเลยค่ะ และเราก็ไม่มีโซนแกลเลอรีบ่าวสาวด้วย เพราะอยากให้แขกมาเห็นและถ่ายกับเราตัวเป็น ๆ มากกว่าจะไปยืนถ่ายกับภาพบ่าวสาว อีกอย่างคือเราค่อนข้างขี้อายด้วยค่ะ
เราตกแต่งตรงจุดทำพิธี Vow Ceremony เป็นพุ่มดอกไม้ขนาดใหญ่ตั้งชูช่อสูงขึ้นมา และมีพุ่มดอกไม้สองข้างทางเดินเปิดตัวบ่าวสาวด้วยค่ะ
ช่วงที่แขกมาลงทะเบียน เราจะแจกค็อกเทล Welcome Drink แทนของชำร่วยให้แขกได้ดื่มกันก่อนเลยค่ะ นิสาเคยเป็นบาร์เทนเดอร์ที่โรงแรม 5 ดาวมาก่อน เลยคิดสูตรพิเศษขึ้นมา ซึ่งหาดื่มไม่ได้จากที่ไหน มีที่นี่ที่เดียวเท่านั้น โดยมีชื่อเมนูว่า ‘Journey’ เปรียบเหมือนเป็นการเดินทางของเราสองคนค่ะ
ก่อนเริ่มพิธี เรามีกิมมิกอีกอย่างในงาน คือ จะมีจุดวางกล้องโพลารอยด์ไว้ประมาณ 10 ตัว เพื่อให้แขกสามารถมาถ่ายรูปเล่นกันได้ค่ะ
ในส่วนของพิธีการนั้นก็เรียบง่าย Vow Ceremony เป็นพิธีในฝันที่นิสาอยากแต่งงานสไตล์ตะวันตกอยู่แล้ว เน้นซึมซับกับบรรยากาศในงานที่อบอุ่น ไม่วุ่นวาย และได้ใช้เวลากับคนที่เรารักอย่างแท้จริงค่ะ
เราใช้วิธีเปิดตัวโดยเตยจะเดินมาพร้อมคุณพ่อและคุณแม่ เพื่อมาหานิสาที่รอตรงจุดทำพิธีค่ะ จากนั้นเราจะเริ่มกล่าวคำมั่นสัญญา แลกแหวนกัน เพียงเท่านี้ก็จบค่ะ หลังจากนั้นถึงไปทักทาย พร้อมถ่ายรูปร่วมกันกับแขกสักครู่หนึ่ง แล้วจึงพักเบรกไปเปลี่ยนชุด ในช่วงนี้พนักงานจะเซ็ตโต๊ะ Curve Table สำหรับ Sit-down Dinner ค่ะ
งานเลี้ยง Sit-down Dinner สุดโรแมนติก ปิดท้ายด้วย After Party
สำหรับช่วงงานเลี้ยงฉลอง เราจะยังจัดตรงสวนด้านนอก โดยปรับการตกแต่งจากช่วงพิธี Vow Ceremony จุดที่เคยทำพุ่มดอกไม้ใหญ่จะลดทอนดอกไม้ให้น้อยลง และนำดอกไม้บางส่วนมาประดับบนโต๊ะบ่าวสาวด้านหน้า เราจัดโต๊ะจัดเลี้ยงเป็น Curve Table 3 แถว ซึ่งเราเป็นคู่แรกของที่นี่ที่ใช้ Curve Table ด้วยค่ะ
นอกจากนี้ บนโต๊ะอาหารจะมีตกแต่งด้วยดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเทียนและดอกไม้สดใส่แจกัน เราอยากให้งานนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น เพราะมีแขกที่รักเพียง 60 ท่านเท่านั้นค่ะ
หลังเปลี่ยนชุดเสร็จ เรากลับมาเปิดตัวอีกครั้งผ่านเพื่อน ๆ ที่ถือไฟเย็นค่ะ เมื่อเราเดินไปนั่งที่โต๊ะบ่าวสาว ก็เข้าสู่เกมล้วงขวดโหล ด้านในเป็นเบอร์โทรศัพท์ของแขกทั้งหมดที่เขียนใส่ไว้ตั้งแต่ตอนลงทะเบียนค่ะ เมื่อจับได้เบอร์ไหน เราจะโทรหาผู้โชคดีให้เขาเดินออกมาข้างหน้า เพื่อดื่มแอลกอฮอล์ช็อต ก่อนจะรับรางวัลเป็นเงินสดค่ะ โดยมีผู้โชคดีทั้งหมด 3 ท่าน เรียบร้อยแล้ว เราจะให้เพื่อน ๆ ของเราทั้งคู่ รวม 3 ท่าน ได้พูด Speech ต่อเลยค่ะ
เราเลือกอาหารจัดเลี้ยงเป็น International Buffet ค่ะ เช่น เมนูสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ยำส้มโอ ปลากะพงซอสมะขาม กุ้งพันตะไคร้ ต้มยำโป๊ะแตก ซึ่งเราได้มีโอกาสไป Food Testing ก่อน และขอชิมทุกเมนูที่จะมีในงานเลยค่ะ เพราะเราให้ความสำคัญกับแขกมาก ๆ อยากให้แขกได้ทานอาหารที่อร่อย ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ แขกชมเยอะมากว่าอาหารรสชาติดีค่ะ
จากนั้น เราจะไปตัดชีสเค้กสตรอเบอรี่ Homemade ที่ทำกันสด ๆ ในงานก่อนเริ่มพิธี โดยเราแจกเค้กให้แขกทุกท่านได้ทานกันในงานเลย ปิดท้ายด้วยการโยนดอกไม้ค่ะ
เมื่อเสร็จพิธีก็เตรียมเข้าสู่งาน After Party ที่เราจะไปเปลี่ยนชุด และมูฟกันไปยังห้อง Barn Shop สนุกสนานไปกับวงดนตรีสดฟูลแบนด์และค็อกเทลถึงห้าทุ่มเลยค่ะ เพราะพวกเราเน้นดื่ม เน้นเต้นกันเต็มที่
อีกความพิเศษในงานแต่ง คือ เราตั้งใจตัดชุดโดยเฉพาะถึง 3 ชุดด้วยกัน เพราะงานแต่งมีครั้งเดียว เราก็อยากได้ภาพที่หลากหลาย และได้มีความทรงจำดี ๆ เพิ่มด้วยค่ะ อย่างชุดสูทของนิสา ตอน Vow Ceremony จะเป็นสีเบจ ส่วนช่วงดินเนอร์จะดูวินเทจ-แคชชวลหน่อย กับสูทผ้าลินินสีออฟไวท์ค่ะ ส่วนของเตย แม้แพทเทิร์นแตกต่างกัน แต่รูปแบบของชุดเหมือนกันตรงที่เน้นใส่สบาย ไม่ใช่สุ่มหรือ กระโปรงฟูฟ่องเกินไป เพื่อให้เหมาะกับสไตล์ของเตยเอง และเหมาะกับงานเอาท์ดอร์ที่เป็นลุคสบาย ๆ ด้วยค่ะ
บ่าวสาวประทับใจ ได้จัดงานแต่งแบบ Dream Come True
ก่อนอื่นเลย เราประทับใจในตัวเจ้าสาวมาก วันนั้นเตยสวยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงที่พูด Speech พิธี Vow เพราะเขาพูดออกมาจากใจ และเคยพูดตอนคบกันว่า อยากเห็นหน้ากันทุกวินาที และตอนนี้เตยได้ทำตามความฝันก็คือแต่งงานกัน และได้เห็นหน้ากันทุกวินาทีจริง ๆ ช็อตนี้พาเราน้ำตาแตกกันทั้งคู่เลยค่ะ
เรามีความสุขกับงานนี้มาก ๆ ชอบที่บรรยากาศ เสียงเพลง ทุกอย่างไปด้วยกันได้ดี และแขกก็โฟกัสกับเราจริง ๆ เราดีใจที่เห็นพวกเขามีความสุข และซึ้งใจที่เพื่อน ๆ คอยซัพพอร์ต บางคนบินมาจากต่างประเทศเพื่อมาร่วมงานเราเลยค่ะ
พาร์ทของทีมงาน เราประทับใจทุกทีมเลยค่ะ ทั้งทีมเครื่องเสียง และทีมออแกไนซ์ที่ดูแลดี ช่วยยกชุดเจ้าสาว ถือรองเท้า หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกต้องการความช่วยเหลือ เขาจะเข้ามาทันที หันไปก็จะเจอเขาเสมอค่ะ
ส่วนสำคัญที่สุดเลยก็คือ สถานที่และคุณออยค่ะ เพราะเขามีส่วนช่วยเราทุกอย่างจริง ๆ คอยอำนวยความสะดวกและดูแลคู่เราดีมาก ๆ อย่างตอนเห็นแดดส่องลงมา กลัวจะร้อน พนักงานก็รีบเข้ามาช่วย ด้วยการบริการและความเอาใจใส่ของคุณออย ทำให้เรารู้สึกดีจนเหมือนได้กัลยาณมิตรเพิ่ม แม้จะจบงานแล้ว แต่เราก็ยังคุยกันอยู่เลยค่ะ
คำแนะนำสำหรับบ่าวสาว
เลือกจัดงานแบบที่ตัวเองชอบ : อยากให้เลือกจากความชอบของตัวเองก่อน จงเชื่อใจตัวเองมากกว่าเชื่อคนอื่น แต่ถ้ากังวลเรื่องญาติผู้ใหญ่ ลองดูว่าสามารถจัดแยกวันเพื่อแยกกลุ่มแขกได้ไหม มันจะทำให้ง่ายต่อการจัดธีมงาน และเราจะสามารถใส่ความชอบ ความเป็นตัวเองได้มากขึ้น ทุกคนก็จะเอ็นจอยกับงานของเราเช่นกัน
ตัดชุดแล้วต้องรักษาหุ่นด้วย : หลังจากเราตัดชุดงานแต่งแล้ว ช่วงก่อนงานเริ่มราว 2-3 เดือน อยากให้รักษาหุ่นให้ได้คงที่ ด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย เพื่อจะได้ไม่เกิดการแก้ชุดบ่อยๆ ถ้าเรารักษาหุ่นและได้ใส่ชุดที่เราภูมิใจเลือกมา จะทำให้เรามั่นใจในแบบที่เป็นตัวเอง
คู่รัก LGBTQ+ จัดงานแต่ง จะทำให้เรามีความทรงจำดี ๆ : เพราะความรักเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์และสวยงาม ฉะนั้น ส่วนตัวมองว่าการจัดงานแต่งงานจะทำให้เรามั่นใจในความรักของตัวเองยิ่งขึ้น และมันจะเป็นความทรงจำที่ดี ๆ ที่ทำให้เราหวนกลับมานึกถึงได้เสมอ
ทำหัตถการอย่างต่อเนื่อง : เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง การดูแลผิวหน้าเป็นสิ่งสำคัญ แนะนำว่าให้ปรึกษาคุณหมอเลยว่า ถ้าจัดงานแต่งช่วงนี้ เราควรทำหัตถการอะไรบ้าง หรือหากฉีดโบท็อก ฟิลเลอร์ ต้องฉีดช่วงไหน ถึงจะทำให้หน้าเข้าที่ แล้วออกมาดูสวยและมั่นใจยิ่งขึ้น
รองเท้าเป็นสิ่งสำคัญ : การเลือกตัดรองเท้าของบ่าวสาวเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราจะต้องเดินเยอะ แถมยืนรับแขกหลายชั่วโมง ฉะนั้นควรเลือกรองเท้าที่ใส่สบายและซัพพอร์ตเท้า ทำให้เรารู้สึกไม่เมื่อยจนเกินไป และอย่าลืมดูพื้นที่จัดงานประกอบด้วย เช่น ถ้าจัดงานในสวน ผู้หญิงก็ควรใช้รองเท้าส้นตึกแทนส้นเล็ก ๆ
Photographer : Chaiwiroon