S31 Sukhumvit Hotel โรงแรมใจกลางเมือง กับไฮไลต์จอ LED ที่มีบริการให้ฟรี! ทุกห้อง
บลูกับแม็ก (เจ้าบ่าว) ปักหมุดว่าอยากได้สถานที่แต่งงานใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า ซึ่ง S31 Sukhumvit Hotel (โรงแรม เอส31 สุขุมวิท) เป็นโรงแรมเดียวที่เราไปสำรวจ เพราะบลูเคยทำงานด้านการจัดสัมมนาและเห็นลิสต์โรงแรมนี้มาก่อน หลังจากขอรายละเอียดจากคุณเต้ย เซลล์ของโรงแรม เราว่าที่นี่ตอบโจทย์ ตั้งแต่เรื่องโต๊ะกลมที่เราสอบถามเป็นเรื่องแรก ๆ เนื่องจากเคยไปร่วมงานแต่งมาและมักจะเจอโต๊ะกลมหน้าเล็ก ทำให้แขกนั่งเบียด ซึ่งไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่กังวล ญาติผู้ใหญ่ก็กำชับเรื่องนี้มาเหมือนกันค่ะ ซึ่งงานเรามีแขกผู้ใหญ่กว่า 70% พอทางโรงแรมแจ้งว่าหน้าโต๊ะกลมที่นี่กว้าง ก็อุ่นใจขึ้นเยอะค่ะ
นอกจากนี้ ภายในห้องบอลรูมยังเพดานสูง ดูโปร่งสบายตา บริเวณโถงรับรองกว้างมาก จัดวางอะไรก็ดูไม่อึดอัด และทั้งในห้องหมั้นและห้องบอลรูมมีจอ LED ด้วย ทำให้ไม่จำเป็นต้องตกแต่งดอกไม้อลังการ และเหมาะกับคนแพ้เกสรดอกไม้อย่างบลูด้วยค่ะ
งานหมั้นสไตล์มินิมอล บรรยากาศสบายตา
ในแพ็กเกจงานหมั้นและงานแต่งงาน โรงแรมจะดูแลเรื่องการตกแต่งให้ด้วยค่ะ ซึ่งงานหมั้น เราอยากให้บรรยากาศออกมาดูสบาย ๆ เรียบง่าย เลยเลือกสีสว่างอย่างขาว ฟ้า ชมพู และตกแต่งเพียงดอกไม้ใส่แจกันค่ะ
ส่วนจอ LED ในห้องหมั้นนั้น ทางโรงแรมเพิ่งนำเข้ามาก่อนเราจัดงานไม่ถึงเดือน โดยเราออกแบบฉากโมชั่นกราฟิกเอง เป็นท้องฟ้ามีนกโบยบิน เพื่อให้งานดูผ่อนคลายยิ่งขึ้น
สำหรับพิธีการงานหมั้นตอนเช้า เรามองว่าไม่ได้ยุ่งยากค่ะ แต่จะเป็นพิธีที่ใช้เวลาและเป็นไปตามฤกษ์มากกว่า อย่างคิวแห่ขันหมาก ผ่านประตูเงินประตูทอง และรับตัวบลู ก็ต้องให้อยู่ในกรอบเวลา เพื่อกลับมามอบสินสอด สวมแหวนได้ทันตามฤกษ์ที่ได้มาค่ะ พอคิวเหล่านี้เรียบร้อย ก็ทานขนมอี๋ ยกน้ำชา ปิดท้ายด้วยส่งตัวค่ะ
บ่าวสาวสายชิลล์ ครีเอตงานฉลองแบบเรียบง่าย โดยได้จอ LED เป็นตัวช่วย
เราทั้งคู่เป็นคนชิลล์ ๆ ค่ะ การเลือกโรงแรมนี้จึงเป็นอะไรที่ตอบโจทย์คู่เรามาก เพราะเอาจริง ๆ ธีมสีของการตกแต่งก็ได้คุณเต้ยช่วยเสนอค่ะ โดยเราเลือกสีให้คล้ายงานหมั้น แต่ต่างที่สัดส่วนก็คือ สีฟ้า ชมพู ขาว ค่ะ
ส่วนแพทเทิร์นการตกแต่งทั้งหมด เราจิ้มแบบที่ทางโรงแรมมีอยู่แล้ว อาจมีปรับองค์ประกอบการวางดอกไม้นิดหน่อยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฉากแบ็คดรอปถ่ายภาพ หรือแกลเลอรีบ่าวสาว ซึ่งเป็นอีกจุดที่เราชอบมาก ๆ เพราะเก๋ตรงที่ใช้โครงเหล็กพ่นสีแล้วแขวนจอ ซึ่งตรงกับใจที่ไม่อยากปริ้นท์ภาพบ่าวสาวอยู่แล้ว เพราะพอจบงานก็ไม่รู้จะไปวางตรงไหนของบ้านค่ะ แต่พอเป็นจอทีวี เพียงเลือกรูปที่ชอบใส่จอก็จบเลยค่ะ
สำหรับฉากบนจอ LED ในห้องบอลรูม เราก็ทำเองเหมือนกันค่ะ มี 3 ฉาก เช่น ฉากแสงเหนือ วิวต้นสน และพลุเฉลิมฉลอง ซึ่งจะถูกใช้ในช่วงเปิดตัว พูดคุยบนเวที และตัดเค้กค่ะ
ขณะที่เรายังแต่งตัว แขกจะทยอยลงทะเบียน รับของชำร่วย ที่มีให้เลือกเป็นแฮนด์ครีมหรือน้ำหอมติดรถยนต์ค่ะ รวมถึงสามารถถ่ายรูปเล่นที่โฟโต้บูธก่อนได้ จนกระทั่งเราลงมาถ่ายรูปกับแขกตรงแบ็คดรอป ระหว่างนี้เราได้คุณเบล The Voice มาร้องเพลงคลอบรรยากาศ เพราะเราทั้งคู่ชื่นชอบศิลปินท่านนี้มากค่ะ
พอถึงช่วงเวลาเปิดตัว บลูจะเดินเข้าไปกับคุณพ่อ ส่วนแม็กรออยู่ในห้องแล้วค่ะ จากนั้นถึงค่อยเดินมาเจอกันตรงกลาง เพื่อขึ้นเวทีไปด้วยกันค่ะ
พิธีการบนเวทีจะเริ่มด้วยประธานขึ้นกล่าวอวยพร พร้อมเชิญครอบครัวขึ้นมาด้วย จากนั้นก็จะให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ของบ่าวสาวรวม 5 ท่านมาพูด Speech ค่ะ เอาจริง ๆ บนเวทีเราพูดน้อยมาก เพราะเราสองคนพูดไม่เก่งค่ะ อีกอย่างเราตั้งใจจัดงานให้ทุกคนได้มาเอ็นจอยกับบรรยากาศงานและอาหารมากกว่าค่ะ
เสร็จแล้วเราจะลงจากเวทีไปตัดเค้กและรินแชมเปญทาวเวอร์ ปิดท้ายด้วยดึงริบบิ้นช่อดอกไม้ และไปเปลี่ยนชุดเข้าสู่งานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ช่วงนี้จะเป็นดีเจมาสร้างความสนุก โดยเราจัดแบบไพรเวท เลยไม่ได้ให้ช่างภาพอยู่ในงาน เพื่อน ๆ จะได้เต็มที่แบบไม่มีกังวลภาพหลุดค่ะ
เอาใจแขก จัดเลี้ยงทั้งโต๊ะจีนและบุฟเฟ่ต์ไม่มีอั้น
เราให้ความสำคัญกับอาหารเป็นพิเศษ เพราะอยากให้แขกได้อิ่มท้องและอร่อยค่ะ โดยเราเลี้ยงอาหารจัดเต็มตั้งแต่เช้าเลย มีทั้งของโรงแรมและนำเข้ามาเอง อย่างงานเช้า นอกเหนือจากคอฟฟี่เบรก เรามีกระเพาะปลาเยาวราช ข้าวมันหมูทอดย่านเจริญนคร ซึ่งเป็นร้านโปรดของเรา รวมถึงขนมไทยเจ้าดังจาก TikTok ค่ะ
ส่วนงานฉลอง เรามีแขกราว 300 ท่าน แม้ว่าจัดเลี้ยงโต๊ะจีน แต่ยังมีเมนูบุฟเฟ่ต์อีกด้วย เพราะเรามีแขกหลายวัย และอยากให้ทุกคนได้ลองชิมอาหารหลากหลายค่ะ ทั้งไส้กรอกนานาชาติ ไก่อบเครื่องเทศ แฮมเบคอนสลัด ยำทะเลรวม ต้มยำกุ้ง หมูอบราดซอสเห็ด ไม่น่าเชื่อว่าแม้ในงานอาหารจะเยอะมาก แต่เกือบทุกเมนูหมดเกลี้ยง แถมมาพร้อมคำชมเพียบเลยค่ะ
บ่าวสาวประทับใจ ได้โรงแรมนำทัพความราบรื่น
บลูโชคดีที่เคยทำงานด้านสัมมนา หรือการจัดงานแต่งมาก่อน เลยค่อนข้างรู้ในส่วนของงานแต่ง ว่าช่องโหว่คืออะไร สิ่งไหนที่สามารถทำให้แขกหรือบ่าวสาวประทับใจได้ค่ะ แต่ก็ยังมีดีเทลอีกมากมายที่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากทีมงานต่าง ๆ รวมถึงโรงแรม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สามารถลดความกังวลและช่วยเหลือเราได้เยอะ พอได้ทีมงานดี ก็ทำให้เราเบาใจ แถมแขกก็แฮปปี้มาก ๆ ค่ะ
นอกจากนี้ เรายังประทับใจโรงแรมอีกหลายอย่าง เช่น แอลกอฮอล์ที่นำเข้ามาเอง พอถึงวันแต่งงาน ช่วงที่ต้องเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โรงแรมก็คอยอัปเดตพร้อมส่งเช็กลิสต์ให้ทราบตลอด เขาสร้างความไว้ใจ และแสดงความโปร่งใสมากค่ะ
อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่อยากเล่า คือตอนที่เราขึ้นมาแต่งตัว คุณเต้ยจะสอบถามเราตลอดว่าอยากกินเมนูอะไร คอยดูแลใสใจจัดหาอาหารให้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น พอลงมาหน้างาน ก็หาสต๊าฟมาคอยประกบเราตลอด แม้ว่าเราจะมีทีมรันคิวอยู่แล้วก็ตามค่ะ เขาทำงานเป็นทีมเวิร์คมาก ๆ เราชอบและรู้สึกคุ้มค่าในการจัดที่นี่จริง ๆ ค่ะ
คำแนะนำสำหรับบ่าวสาว
การคุยกันสำคัญมาก : หากบ่าวสาวชอบ หรือไม่ชอบอะไร อยากให้เปิดใจพูดกันตรง ๆ และไม่อยากให้ฟังความเห็นของคนอื่นเยอะเกินไป จนมานั่งเถียงกันเอง ควรเลือกสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุขก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องละเลย หรือไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น ลองหาทางตรงกลางที่ทำให้สบายใจทุกฝ่าย
เลือกสถานที่ที่พร้อมซัพพอร์ต : การเลือกสถานที่แต่งงานเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ อยากให้เลือกที่ที่ทำให้เราสบายใจตั้งแต่แรก และมีเจ้าหน้าที่ที่พร้อมจะเต็มใจช่วยเหลือ
พยายามนอนให้เยอะ : ยิ่งใกล้วันงาน บ่าวสาวแทบจะไม่ได้นอน อาจด้วยความกังวล ต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาเตรียมตัว โดยเฉพาะการจัดงานหมั้นเช้า เลี้ยงเย็น และมีงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ จะยิ่งเหนื่อย ฉะนั้นควรพักผ่อนเยอะ ๆ เพื่อจะได้เฟรชตลอดวัน
เตรียมงานแต่งเกิน 6 เดือนกำลังดี : หากบ่าวสาวไม่มีเวดดิ้งแพลเนอร์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องวางแผนเตรียมงานให้นานหน่อย ไม่อย่างนั้นจะหัวหมุน หรือตกหล่นบางอย่าง จนอาจเตรียมงานไม่ทันได้
Photographer : Jakkit Photography