The Grand Fourwings Convention Hotel โรงแรมสวยย่านศรีนครินทร์ ห้องบอลรูมเพดานสูง 9 เมตร พ่วงแพ็กเกจงานแต่งคุ้มค่า
เดียวกับกุ้ง (เจ้าสาว) มองหาสถานที่ใกล้บ้านเราสองคนและญาติ ๆ ก่อนครับ จากนั้นค่อยดูสิ่งอื่น ๆ ตามมา เราคิดว่า The Grand Fourwings Convention Hotel (โรงแรม เดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ) เป็นสถานที่จัดงานแต่งที่ลงตัวที่สุด ทั้งโลเคชั่นตรงใจ ที่จอดรถเยอะ และชอบห้อง Pavilion Hall ที่เพดานสูงมาก ประมาณ 9 เมตร ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งสบายตา นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจงานแต่งราคาคุ้มค่า แถมเซลล์ของโรงแรมก็คุยง่ายและพยายามยืดหยุ่นให้เราด้วย เช่น แถมช่วงงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ให้ครับ
งานหมั้นแต่งดอกไม้สีหวาน พร้อมบริหารเวลาให้คุ้มค่า
สำหรับงานเช้า เราใช้ธีมสีครีม ทอง และเบจ โดยให้ความสำคัญด้านการตกแต่ง เพราะไม่อยากให้ดูธรรมดาไป อย่างฉากหลังของเวทีที่มีแค่ม่านและป้ายชื่อ เราเพิ่มการตกแต่งดอกไม้ไล่ตามโครงเหล็กโค้งคล้ายซุ้มดอกไม้ และเสริมตรงพื้นด้วยครับ
พิธีการเป็นแบบไทย-จีน โดยช่วงแรกเราจะใส่ชุดไทยกันทั้งคู่ก่อน เพื่อทำพิธีแห่ขันหมาก ผ่านประตูเงิน-ประตูทอง จากนั้นผมจะไปรับกุ้งที่นั่งรอตรงโซนสระว่ายน้ำ ซึ่งเลือกมุมนี้เพราะอยากได้ซีนที่รับแสงเดย์ไลท์ด้วยครับ
สำหรับพิธีการในห้องจัดงาน เราจะมอบสินสอด สวมแหวน ทานขนมอี๋ และรดน้ำสังข์ จบพิธีนี้ เราสองคนก็ขึ้นไปเปลี่ยนชุดหมั้นจีนเพื่อยกน้ำชา พร้อมกับถือโอกาสนี้ทำพิธีส่งตัวไปด้วยเลยครับ ในระหว่างนี้แขกก็นั่งทานอาหารรองท้องกันได้ เป็นพวกคอฟฟี่เบรกและเกี๊ยวกุ้งครับ เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จก็ลงมาทำพิธียกน้ำชา เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีช่วงเช้าครับ
งานฉลองสวยหวาน ผสานความ Elegance
เรามีคีย์เวิร์ดของงานที่ชัดเจนครับ ว่าอยากได้ความ ‘อลังการ’ ‘ดอกไม้เยอะ’ และมี ‘กวาง’ อยู่ในงานด้วย ซึ่งเราโชคดีมากที่ทีมตกแต่งเป็นคนใกล้ตัว เขาเลยรู้ใจและเนรมิตงานมาได้อย่างที่เราต้องการ
เริ่มจากโถงรับรอง เราทำแกลเลอรีเป็นโครงโปร่งพ่นสีทอง ตกแต่งด้วยดอกไม้จัดเต็ม แซมลูกปัดคริสตัลระยิบระยับห้อยลงมาจากด้านบน เพื่อให้มีลูกเล่นระหว่างแขกเดินผ่านครับ
โซนแบ็คดรอปถ่ายภาพก็จัดเต็มไม่แพ้กัน ฉากหลังทำจากผ้าพลิ้ว ๆ สีขาว ไล่ระดับเป็นชั้นให้ดูหวานหน่อย แซมดอกไม้ตามจุดต่าง ๆ พร้อมแท่งไฟ รวมถึงมีกวางน้อย 2 ตัวประดับอยู่ข้าง ๆ กันครับ และเรายังเพิ่มกิมมิกด้วยการยกระดับทำมินิสเตจไว้เวลาถ่ายรูปหมู่ จะได้ดูมีลูกเล่นครับ
ไฮไลท์ของการตกแต่งงานจะอยู่ใน Pavilion Hall เราทำเวทีมีบันไดรูปเคิร์ฟไล่สเต็ปด้านหน้า ช่วยทำให้มุมเวทีดูกว้างขึ้นครับ โดยยังมีน้องกวางตามธีมและใช้ดอกไม้เยอะขึ้น เพราะอยากทำให้ดูเต็มเหมือนสวนดอกไม้ขนาดย่อมครับ
เราเลือกเอาจอ LED เข้ามาเองด้วย เพราะอยากให้งานอลังการอย่างที่ตั้งใจไว้ และมองว่าการมีจอจะช่วยเพิ่มลูกเล่นจากโมชั่นกราฟิกที่สามารถเปลี่ยนตามแต่ละช่วง หรือเลือกจากความชอบของเราได้ เช่น ช่วงรินแชมเปญทาวเวอร์เป็นฉากพลุ ช่วงโยนดอกไม้เป็นฉากปราสาทหรือฉากพระจันทร์ดวงโตครับ
เราใส่ใจทุกอย่างในงานมาก ๆ เพราะอยากได้งานที่สื่อถึงตัวตนเราที่สุด อย่างการ์ดงานแต่ง เราออกแบบเป็นบอร์ดดิ้งพาสในพาสปอร์ต เพราะเกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์และอาชีพนักบินของผมครับ นอกจากนี้ เรามีการ์ดเชิญแบบ E-Card ไว้สำหรับแขกที่อยู่ไกล ไม่สามารถไปเชิญด้วยตัวเองได้ โดยใน E-Card ประกอบด้วยเพลง รูปพรีเวดดิ้ง และพื้นที่ให้เขียนอวยพรครับ ส่วนของชำร่วยเป็นแท็กกระเป๋า คงคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับการเดินทางครับ
สำหรับช่วงงานเลี้ยงตอนเย็น ผมเชิญแขกราว 350 คน ส่วนมากเป็นเพื่อน ๆ ของเรามากกว่าแขกผู้ใหญ่ครับ โดยเราจะเปิดวีดีโอพรีเซนเทชั่นที่ทำเหมือนหนังสั้น เพื่อแนะนำบ่าวสาวกันก่อน
เริ่มต้นพิธีด้วยผมร้องเพลง Beautiful in White ขณะเดินไปรับกุ้งที่เดินมากับคุณพ่อครับ พออยู่บนเวทีแล้ว จะสัมภาษณ์บ่าวสาวก่อน แล้วค่อยให้เกียรติประธานกล่าวคำอวยพร ตามด้วยตัดเค้ก รินแชมเปญทาวเวอร์ และปิดท้ายด้วยโยนดอกไม้
ทุกพิธีจะผ่านไปไวมาก เพราะเราอยากเข้าสู่อาฟเตอร์ปาร์ตี้ไว ๆ ซึ่งไม่มีกิมมิกอะไร แค่ปล่อยไหลและสนุกเต็มที่ไปกับดนตรีสด ๆ จากวงเพื่อน ๆ นักบินของผมเองครับ
สำหรับอาหารจัดเลี้ยง มีทั้งบุฟเฟ่ต์และซุ้มอาหารครับ เพราะเราอยากให้แขกได้อิ่มกันจริง ๆ มีทั้งข้าวหน้าเป็ด ขาแกะ และที่นำเข้ามาเพิ่มคือ อาหารญี่ปุ่น และไก่ย่างหนังกรอบป้าแก้ว ร้านดังในหมู่นักบินครับ ซึ่งฟีดแบ็กอาหารก็เป็นเรื่องที่เราดีใจเหมือนกัน เพราะแขกชมเยอะ ขนาดเพื่อน ๆ ผมที่พูดกันตรง ๆ อยู่แล้ว ก็ยังบอกว่าอร่อยครับ
บ่าวสาวยิ้มแก้มปริ งานสวย บรรยากาศดี มีแต่ความสุข
เรื่องแรกคงเป็นความประทับใจที่แขกชมว่าเราจัดงานออกมาได้ดี แสดงว่าเขารับรู้ถึงสิ่งที่เราตั้งใจได้ ต่อมาที่ผมประทับใจวันนั้นเจ้าสาวสวยมากจริง ๆ ครับ ส่วนกุ้งเองก็มาขอบคุณผมทีหลังที่ช่วยดูแลการจัดงานต่าง ๆ ในเวลาที่เขายุ่งจนไม่ค่อยเข้ามาดูอะไรมากนัก เพราะกุ้งเป็นหมอ แต่ผมก็ลุยงานจนผ่านมาได้ด้วยดี
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราได้ทีมงานที่ดีด้วยครับ เช่น ทีมตกแต่งที่ออกแบบงานให้สวยอย่างที่อยากได้ รันคิวดี ช่างภาพและทีมงานอื่น ๆ ก็มีความเป็นมืออาชีพ แถมยังร่วมมือ ร่วมใจกันทำงานจนออกมาราบรื่นครับ
นอกจากนี้ อีกสิ่งที่เราประทับใจคือโรงแรมครับ ทั้งเซลล์ที่คอยซัพพอร์ตและประสานงานกับส่วนต่าง ๆ ได้ดี และพนักงานที่ดูแลดีมาก แถมยังมีความซื่อสัตย์ด้วยครับ เนื่องจากงานเรานำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็พบว่าไม่มีหายไป ผมว่าเรื่องนี้เป็นจุดเล็ก ๆ ที่สำคัญ เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมาจริง ๆ ก็มีโอกาสพูดกันปากต่อปากจนส่งผลเสียได้ครับ
คำแนะนำสำหรับบ่าว-สาว
คุยกันให้เคลียร์ว่าชอบแบบไหน : อันดับแรกบ่าวสาวควรคุยและตกลงให้ชัดเจนว่าอยากได้งานแบบไหน เพื่อสรุปหาสิ่งที่ชอบเหมือนกัน หลังจากนั้นทั้งคู่จะได้มีเป้าหมายและมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน
กำหนดฤกษ์ให้ได้ก่อน : ฤกษ์งานแต่งงานจะเป็นตัวกำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง ยิ่งเราได้ฤกษ์เร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีโอกาสตระเตรียมงานต่าง ๆ วางแผน และจองคิวทีมงานที่ชอบได้เร็วขึ้นเท่านั้น
หาข้อมูลผ่านโซเชียลหรือเพื่อนที่แต่งงานแล้ว : เราควรหาข้อมูลให้เยอะผ่านเฟซบุ๊กกรุ๊ปงานแต่ง หรือถ้าใครมีเพื่อนที่แต่งงานแล้วยิ่งดี เพราะเขาพร้อมจะให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา แล้วจดทำเป็นเช็กลิสต์ เพื่อดูว่าอะไรที่ควรมีหรือไม่มีในงานแต่งของเราบ้าง
เช็กแพ็กเกจงานแต่งให้ละเอียด : ก่อนการมัดจำหรือซื้อแพ็กเกจงานแต่งงาน อยากให้ดูเงื่อนไขหรือสอบถามข้อมูลให้เยอะที่สุดก่อน เพราะแพ็กเกจเหล่านี้มีโอกาสไม่ถูกใจ หรือสิ่งที่ได้รับไม่ตรงปกสูง เมื่อถึงตอนไปดูของจริงที่หน้าร้าน
ตั้งงบไว้เผื่อบานปลาย 3 เท่า : ต้องยอมรับว่าการจัดงานแต่งงาน แม้ตั้งงบไว้แล้ว ก็มีโอกาสบานปลายอยู่ดี แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่า ระหว่างที่เราเตรียมงาน หากไปเจอหรือนึกไอเดียอะไรขึ้นมาได้ เราจะใจแข็งแค่ไหน ควบคุมตัวเองได้หรือเปล่า
ระบบแสง-เสียงสำคัญมาก : ควรให้ความสำคัญกับการตรวจเช็คแสง-เสียงก่อนวันงาน เพื่อความชัวร์ว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย เพราะหากวันจริงเกิดปัญหาขึ้นมา เช่น เสียงดังไม่ทั่วห้อง หรือคนข้างหลังไม่ค่อยได้ยิน แขกจะหยุดโฟกัสจากบ่าวสาวและหันไปคุยกันเอง ซึ่งอาจเป็นจุดที่ทำให้แขกไม่ประทับใจได้
ใกล้วันแต่งงาน พักผ่อนให้เยอะ : หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันแต่ง เราจะเครียดและหัวหมุนในการนั่งตรวจเช็กสิ่งต่าง ๆ ว่ามีอะไรตกหล่นหรือเปล่า แต่ก็ควรเป็นช่วงที่เราต้องดูแลตัวเองให้ดี พักผ่อนให้เยอะ จะได้ไม่ป่วยและมีแรงรับมือกับปัญหาจิปาถะที่อาจเกิดขึ้น
Photographer : Panisto, Parallax, Wide Cinematic Area