Courtyard by Marriott Bangkok Suvarnabhumi Airport สถานที่จัดงานแต่งงาน 2 บรรยากาศ มีทั้งโซนสวนและอินดอร์ พร้อมห้องบอลรูมสุดอลังรับแขกได้ถึง 800 ท่าน
ไวท์กับตั๋ง (เจ้าบ่าว) ทำงานอยู่ที่ชลบุรีค่ะ แต่ก็มีเพื่อนและครอบครัวอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วย เลยอยากได้สถานที่แต่งงานย่านสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลาง และด้วยความที่ไวท์จบคณะสถาปัตย์มา จึงหาข้อมูลจากเว็บไซต์บริษัทสถาปนิกด้วยค่ะ ตอนที่ไล่หาข้อมูล เจอบริษัทที่เราชื่นชอบออกแบบ Courtyard by Marriott Bangkok Suvarnabhumi Airport (โรงแรมคอร์ทยาร์ด โดย แมริออท แบงค์คอก สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ท) ก็สนใจ เพราะโลเคชั่นตรงตามต้องการ
หลังจากดูสถานที่ก็คิดเลยว่าจะเลือกที่นี่ รู้สึกเหมือนพรหมลิขิตมาก ๆ เราชอบคอร์ทยาร์ดของโรงแรมตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น เพราะตรงใจที่อยากจัดงานหมั้นในสวน ใกล้กันมีเลาจน์หรือห้องกระจกไว้รับรองแขก ที่สำคัญโรงแรมอยู่ติดกับคลอง ต้นไม้เยอะ ร่มรื่นมากค่ะ ส่วนอินดอร์ก็ตกแต่งสวย แบ่งตึกอาคารห้องพักและอาคารจัดงานชัดเจน จึงได้ความเป็นส่วนตัว แถมห้องบอลรูมกว้างขวาง รองรับแขก 800 ท่าน ตามจำนวนที่คาดไว้ได้ค่ะ
พิธีหมั้นสุดซึ้งที่หลอมรวมสไตล์ Eastern และ Western ไว้ด้วยกัน
บ้านเรามีเชื้อสายจีนทั้งคู่ค่ะ จึงต้องเน้นพิธีจีน แต่ขณะเดียวกัน ไวท์ก็มีความฝันอยากแต่งงานแบบตะวันตก Vow Ceremony ด้วย จึงหาข้อสรุปตรงกลางด้วยการเลือกสีแดงตกแต่งเป็นหลัก เพราะเป็นสีมงคลของคนจีน ผู้ใหญ่จะได้ปลื้มค่ะ
ตรงทางเดินไปสู่เวที ทางทีมตกแต่งเลือกทำโคมจีนสีแดงขึ้นมา ประดับด้วยพุ่มไม่สีขาว ส่วน Mini Stage ก็เป็นสีแดงสดเลยค่ะ รวมถึงดอกไม้ก็เลือกสีแดงให้มากที่สุด แล้วใช้สีอื่นแซมเพื่อความสวยงามค่ะ
แม้ว่าทางโรงแรมจะมีเก้าอี้อยู่แล้ว แต่เราเลือกจัดหาเก้าอี้ไม้และร่มเข้ามาเองค่ะ เพราะอยากให้ภาพออกมาสวยและดูไปในทิศทางเดียวกันกับบรรยากาศของสวนค่ะ
สำหรับโลโก้บ่าวสาว เราใช้ตัวอักษรไทยเพื่อให้เข้ากับความเป็นเอเชียค่ะ โดยจ้างทีมโลโก้มาออกแบบเลย เพราะตั้งใจจะทำคัฟลิงค์ด้วยค่ะ และอย่างที่บอกว่าอยากให้งานมีความตะวันตกสอดแทรกอยู่ ไวท์จึงเลือกชุดเจ้าสาวที่เน้นลูกไม้ค่ะ ซึ่งชุดสไตล์นี้มองได้ทั้ง Chinese และ Western เป็นความกลมกลืนที่ลงตัวค่ะ
งานหมั้นมีแขก 60 ท่าน โดยพิธีการเริ่มช่วงบ่ายค่ะ เราตัดพิธีที่ยุ่งยากอย่างแห่ขันหมากออกเพราะอยากให้เรียบง่ายค่ะ พิธีแรกเลยเป็น Vow Ceremony พอเพื่อนบ่าวสาวเดินนำหน้าไปรอตรงเวที เราถึงเดินเปิดตัวคู่กันไป ช่วงนั้นภาพตรงหน้ามีแต่คนที่เรารัก อบอุ่นมากค่ะ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะทำให้เราตื้นตันใจจนน้ำตาไหลค่ะ พออยู่บนเวทีแล้ว ตั๋งเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก แล้วเราก็กล่าวคำสัญญาให้กันและกัน สวมแหวน ตามด้วยเพื่อนมากล่าว Speech ค่ะ
เสร็จจากพิธีตะวันตกแล้ว แล้วเราก็มาทำพิธีมอบสินสอด ทานขนมอี๋ และยกน้ำชาตามธรรมเนียมจีนค่ะ จบพิธีทั้งหมด แขกจะทยอยเข้าไปในห้องกระจก เพื่อทานอาหารว่าง ที่มีคอฟฟี่เบรก เบเกอรี่ และขนมหวานค่ะ
งานฉลองสุดยูนีค Classic White ที่ได้แรงบันดาลใจจากชื่อเจ้าสาว เล่นกิมมิกผ่านเท็กซ์เจอร์ของ Material
คอนเซ็ปต์งานฉลองจะฉีกแนวจากงานหมั้นเลยค่ะ ด้วยความที่เราชอบสีขาว อีกทั้งชื่อไวท์เองก็แปลว่าสีขาว เลยให้ธีมงานเน้นสีขาวเป็นหลัก เรามองว่าดูเก๋ดีและไม่ค่อยเห็นใครใช้แค่สีขาวเพียว ๆ ค่ะ ประกอบกับพอเราทำงานด้านสถาปนิกด้วย เลยอยากนำเท็กซ์เจอร์ของวัสดุที่ใช้มาสร้างลูกเล่นค่ะ เพื่อให้เห็นผิวสัมผัส เช่น ความเงา ความด้าน อย่างงานนี้เราใช้ Material ที่แตกต่างกัน มีทั้ง กระดาษ ผ้าไม้ และอะลูมิเนียมค่ะ
เราตั้งแบ็คดรอปไว้คนละชั้นกับห้องบอลรูม เพราะงานเราแขกเยอะ เลยกระจายการตกแต่งจุดต่าง ๆ ไม่ให้ดูแน่นไป ตัวแบ็คดรอปจะมีลูกเล่นที่โดดเด่น โดยเราออกแบบเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่สามารถพลิกขึ้น-ลงได้ เพื่อให้เล่นกับแสงและเงาที่สะท้อนกับไฟค่ะ
ส่วนจุดตั้งภาพแกลเลอรี่บ่าวสาว อยู่ระหว่างทางขึ้นบันไดไปห้องบอลรูมชั้น 3 เรานำพุ่มดอกไม้สีขาวที่ตกแต่งช่วงงานหมั้นมาเสริมด้วยค่ะ เมื่อขึ้นมายังโถงรับรอง จะมีโต๊ะลงทะเบียน ซุ้มอาหารปรุงสด และโฟโต้บูธค่ะ
ส่วนในห้องบอลรูม เราครีเอทตัวโครงสร้างฉาก 2 ชิ้นแยกกัน สร้างรูปทรงให้เหมือนแผ่นกระดาษม้วนปลาย ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวล้วน ใบไม้ก็พ่นสีขาวให้เข้าธีม แต่ไม่ทั้งหมด เพื่อให้ดูไม่เพลนเกินไปค่ะ
สำหรับกำหนดการช่วงงานฉลอง เราใช้เวลาอยู่ตรงแบ็คดรอปนานพอสมควร เพราะแขกเยอะมากค่ะ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยความเรียบร้อย ซึ่งแขกต่อแถวถ่ายรูปแล้วก็สแกน QR Code รับรูปหน้าแบ็คดรอปได้เลย จากนั้นแขกก็จะเดินขึ้นบันไดไปลงทะเบียนและรับของชำร่วยเป็น Card Holder ค่ะ
เมื่อถึงคิวเปิดตัว ไวท์จะรออยู่ด้านนอกห้องก่อน ส่วนตั๋งเดินเข้าไปในห้อง ซึ่งเราไม่รู้ว่าเขาแอบทำเซอร์ไพรส์ด้วย ตอนที่ยืนรออยู่ข้างนอกก็ตกใจ เพราะได้ยินเสียงเจ้าบ่าวร้องเพลง 'Nothing's Gonna Change My Love for You' ของจอร์จ เบนสันค่ะ พอประตูเปิดออก เราก็เดินเข้าไปหาตั๋งที่ร้องเพลงและมารับตัวเรา เพื่อขึ้นสู่เวทีด้วยกันค่ะ
จากนั้น เราให้ญาติผู้ใหญ่ขึ้นบนเวทีมาอวยพรพวกเรา โดยฝั่งเจ้าบ่าวเป็นคุณแม่ ทางฝั่งของไวท์เป็นคุณย่าค่ะ
งานฉลองมีสัดส่วนแขกผู้ใหญ่กว่า 80% เราเลยเน้นพิธีกระชับ เริ่มจากเปิดคลิปงานหมั้นช่วงบ่ายที่ตัดด่วน ซึ่งเราได้ดูพร้อมแขกเลยค่ะ จากนั้นเราพูดถึงกันเล็กน้อย ตัดเค้ก ต่อด้วยดึงริบบิ้นช่อดอกไม้ เสร็จแล้วก็ได้ผู้โชคดีขึ้นมาพูดคุยบนเวที จบพิธีก็ไปเปลี่ยนชุดเพื่อเข้าสู่ After Party ค่ะ
เรามีเสื้อทีมให้เพื่อนบ่าวสาวด้วยค่ะ ซึ่งเพื่อน ๆ จะถือแท่งไฟวิ่งเข้าไปในงาน ตามด้วยบ่าวสาว และไปรินแชมเปญทาวเวอร์เพื่อเปิดงานปาร์ตี้ค่ะ หลังจากนั้นก็เอ็นจอยกับวงดนตรีสด ตามด้วยดีเจค่ะ
รูปแบบการจัดเลี้ยง เป็นโต๊ะนั่งสำหรับแขก VIP ประมาณ 25 โต๊ะ ที่เหลือเป็นโต๊ะค็อกเทลค่ะแต่ทางโรงแรมน่ารักมาก มีการนำเก้าอี้กระจายตามจุดต่าง ๆ ทั้งด้านในและนอกห้อง เผื่อแขกเมื่อยค่ะ โดยเมนูมีทั้งค็อกเทลและ Food Station ประมาณ 12 ซุ้ม ปรุงสดชามต่อชาม เช่น ก๋วยเตี๋ยว ส้มตํา ข้าวหมกแกะ ติ่มซำ ซูชิ และเรานำบูธไอติมเข้ามาเองด้วยค่ะ แขกชอบซุ้มอาหารมาก เพราะอาหารร้อนและสามารถ Custom ได้ตามความชอบแต่ละคนด้วย
นอกจากนี้ เราปรึกษาทางโรงแรม ว่าอยากได้ปลาทูน่าเยลโล่ฟิน 1 ตัว ทางโรงแรมก็ช่วยประสานงานและรับผิดชอบส่วนนี้ให้ อิมพอร์ตปลาจากญี่ปุ่น มาถึงตอนเช้าของวันงาน แล้วก็ให้เชฟแล่กันสด ๆ เลย ทำเอาแขกฮือฮามากค่ะ ส่วนแอลกอฮอล์ก็ไม่คิดว่าจะขายดีขนาดนี้ เราเอาไวน์ไปประมาณ 300 ขวด เหลือกลับมาแค่ 30 ขวดค่ะ
งานแต่งเป็นจริงดังฝัน บ่าวสาวประทับใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
งานแต่งของเราเพอร์เฟ็กต์ในทุกกระบวนการ ตั้งแต่ช่วงเวลาเตรียมงานที่พอดี ทำให้ทุกอย่างที่เราเลือกมาดีหมด ไม่ว่าจะเป็นแพลนเนอร์ ช่างแต่งหน้า ช่างทําผม ชุดบ่าวสาว ทีมช่างภาพ รวมไปถึงโรงแรม ซึ่งหลังงานจบเรายังได้มิตรภาพเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
อยากบอกว่าโรงแรมน่ารักกับเรามาก ๆ ค่ะ ก่อนหน้านี้คิดว่ายากที่จะได้โรงแรมรองรับคนตามจำนวนนี้ โลเคชั่นตรงใจ ไหนจะดีไซน์ที่เราชอบ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญที่จู่ ๆ ก็มีโรงแรมดี ๆ แบบนี้โผล่ขึ้นมาเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องการบริการ ตั้งแต่ที่เราเข้าไปสำรวจสถานที่วันแรกและทุกครั้งที่ไปทานอาหารตอนเช้า หรือใช้บริการส่วนไหนของโรงแรมก็ตาม พนักงานจะยิ้มแย้มและดูแลเราดีมาก ไวท์รู้สึกว่าโรงแรมเทรนด์พนักงานดี ทุกคนมีแพชชั่นและเต็มใจให้บริการมาก ๆ ค่ะ แม้งานแต่งจะจบลง แต่ทุกครั้งที่ย้อนดูคลิปแต่งงาน มันเหมือนฝัน เพราะทุกอย่างดีเกินคาดจริง ๆ ค่ะ
คำแนะนำสำหรับบ่าวสาว
เลือกทุกอย่างตามความชอบ และที่ตัวเองจ่ายไหว : เพราะงานแต่งจัดได้เพียงครั้งเดียว อยากให้บ่าวสาวเลือกสิ่งที่เราชอบ ทำทุกสิ่งเต็มที่ไปเลย แต่อย่าเลือกในสิ่งที่เกินกำลัง เพราะสุดท้ายจะกลายเป็นความทุกข์มากกว่าความสุข
ถ้ามีงบจำกัด ให้ทําการบ้านมากขึ้น : งานแต่งเป็นวันสำคัญ บ่าวสาวย่อมอยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ถ้ามีสิ่งที่อยากได้ แต่เกินงบไปมาก ให้แก้ด้วยการทำการบ้าน รีเสิร์ชให้เยอะขึ้น ดูหลายร้านมากขึ้น ลองใช้เวลาแล้วเราจะสิ่งที่ดีและถูกใจในราคาที่รับได้
Photography: Note Wannasin