รีวิวงานแต่งในสวนสุดไวรัล เก็บภาพโมเมนต์พิเศษโดยหลานสาวตัวน้อย @The Botanical House Bangkok

The Botanical House Bangkok สถานที่แต่งงานสุดโฮมมี่ จัดได้ทั้ง Indoor และ Garden

       อุ๋ยกับบีม (เจ้าสาว) ต้องการให้งานของเราอบอุ่น เป็นกันเอง ซึ่งสถานที่จัดงานแต่งเป็นส่วนสำคัญ เราจึงเลือกที่ The Botanical House Bangkok (เดอะ โบทานิคอล เฮ้าส์) เพราะตอบโจทย์ตามที่เราลิสต์ไว้ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งสถานที่สวย อบอุ่นตรงใจ มีบรรยากาศสบาย ๆ ไม่เป็นทางการมากนัก มีสถานที่จัดงานในอาคารที่รองรับแขกประมาณ 200 คนได้ และใกล้บ้านฝั่งเจ้าสาวครับ และเรายังชอบสถานที่ที่มี 2 บรรยากาศ ทั้งกลาสเฮ้าส์และอาคารติดแอร์ ทำให้แขกไม่ต้องอยู่ท่ามกลางอากาศร้อน ๆ ขณะเดียวกันก็มีสวนสวย ได้เห็นวิวธรรมชาติ ช่วยให้สบายตาด้วยครับ

Cozy & Natural แต่งงานสวยแบบธรรมชาติ

       เราเลือกตกแต่งงานและซุ้มกาเซโบตรงสวน ด้วยใบไม้สีเขียวและดอกไม้สีขาวเป็นหลัก เพื่อคุมโทนไปในทางเดียวกับภาพรวมของสถานที่ และมีกิมมิกด้วยการให้แขกสามารถแต่งชุดสีอะไรมาก็ได้ หรืออาจจะเป็นชุดลายดอกไม้ เพราะอยากให้แขกทุกคนเป็นสีสันในงานของเราครับ

       ในพื้นที่อินดอร์ เปิดประตูมาจะพบโต๊ะลงทะเบียน ใกล้กันมีน้องหมีใส่เสื้อสกรีนโลโก้บ่าวสาว ฝั่งซ้ายเป็นแบ็คดรอปถ่ายภาพ ที่เลือกใช้โครงเหล็กดัดโค้งประดับดอกไม้ ส่วนขวามือเป็นโฟโต้บูธครับ บนเวทีที่ใช้สำหรับงานเลี้ยงฉลอง ตรงกลางเราเลือกติดผ้าแคนวาสสีขาวครีม พิมพ์โลโก้สีเขียวเป็นฉากหลัง และด้านข้างตกแต่งดอกไม้ตามธีมครับ

       เราโชคดีตรงที่ก่อนหน้านี้เคยมางาน Open House ของสถานที่ แล้วได้รางวัลเป็น Voucher สำหรับการตกแต่งเพิ่มเติมจากแพ็กเกจหลักของเดิมที่ได้เลือกไว้กับทาง The Botanical House Bangkok จึงทำให้บรรยากาศและภาพรวมของงามสมบูรณ์ขึ้นมากเลยครับ

จัดพิธีการสุดชิล สนุกสนานด้วยเกมแจกรางวัล

       เราอยากให้งานนี้มีความเป็นตัวเราที่สุด และมีแต่โมเมนต์ดี ๆ จึงเลือกจัดงานในวันครบรอบ 1 ปีที่ผมขอบีมแต่งงานด้วยครับ สำหรับพิธีการช่วงงานหมั้น เราได้ปรึกษากับทางครอบครัวแล้ว พวกท่านยินดี หากเราจะตัดบางพิธีการออก เพื่อให้กระชับและลดความเป็นทางการ พิธีในวันงานจึงเรียบง่าย ไม่มีตัดเค้ก ไม่มีแห่ขันหมาก ไม่มีพิธีสงฆ์ (เราไปทำบุญตักบาตรกันภายในครอบครัวก่อนวันงานแต่ง)

       ในส่วนของพิธีการช่วงเช้าเริ่มด้วยเจรจาสู่ขอกับญาติผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าสาว แล้วค่อยไปรับตัวบีมที่รอตรงซุ้มกาเซโบ จากนั้นก็เข้ามาทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน ยกน้ำชา ระหว่างนี้ เราก็เสิร์ฟอาหารให้แขกที่มาร่วมงานช่วงเช้า หมุนเวียนไปทานรองท้องกัน เช่น ข้าวต้ม ปาท่องโก๋ ขนมจีบ ซาลาเปา ผลไม้ ชา กาแฟ และปิดท้ายด้วยพิธีรดน้ำสังข์กันที่สวนครับ

       ในระหว่างเข้าสู่งานเลี้ยงฉลองในช่วงกลางวันนั้น แขกอีกกลุ่มจะทยอยมาลงทะเบียน รับของชำร่วยเป็นชาเบลนด์ ซึ่งเป็นแบรนด์ของเพื่อนผม เพราะอยากให้แขกได้ดื่มชาหอม ๆ และได้ประโยชน์ไปพร้อมกัน หลังจากนั้น แขกส่วนใหญ่จะมูฟกันไปถ่ายรูปโฟโต้บูธ นับว่าเป็นอีกมุมที่ขายดีมากครับ  

       เมื่อได้เวลาบ่าวสาวเปิดตัว เราให้น้องแอล หลานสาวของผม มาเป็น Flower Girl เดินนำหน้าโปรยดอกไม้ ต่อมาพิธีการบนเวทีจะเริ่มด้วยการให้หัวหน้าของผมและบีมขึ้นกล่าวคำอวยพร ตามด้วยเราขอบคุณแขก และเข้าสู่การเล่นเกม Lucky Draw ถึง 3 เกม เพื่อสร้างความสนุกสนาน 

       เกมแรกเป็นการเลือกแขกที่ถ่ายรูปโฟโต้บูธเป็นกลุ่มสุดท้ายก่อนพิธีการบนเวทีจะเริ่ม โดยจะได้รับ Voucher ร้านอาหารไปทันที ส่วนเกมที่สอง หาผู้โชคดีจากคนที่มีเลขบัตรประชาชนตามที่เราระบุ โดยของรางวัลเป็นกล้องฟิล์ม และเกมสุดท้าย ใครที่ใส่ชุดที่มีลายดอกไม้บนตัวเยอะที่สุด รับรางวัลเป็นกิ๊ฟเซ็ตชาเบลนด์และชาดม ซึ่งทุกรางวัลจะพ่วงด้วยลอตเตอรี่ที่เลขท้ายเป็นวันแต่งงาน เพราะอยากให้แขกได้ลุ้นไปด้วยกันครับ จบเกม Lucky Draw ก็ปิดท้ายด้วยดึงริบบิ้นดอกไม้ ซึ่งคนที่ได้รับช่อดอกไม้ นอกจากลอตเตอรี่แล้ว ผมมอบของขวัญเพิ่มเป็นตุ๊กตาหมีที่ตั้งไว้หน้างานด้วยครับ 

       สำหรับการจัดโต๊ะอาหารงานเลี้ยง เราอยากให้แขกทุกคนได้นั่งทั้งหมด จึงผสมผสานระหว่างโต๊ะแบบกลมกับแบบ Long Table โดยให้ตั้งขนาบทางเดินเปิดตัวบ่าวสาวครับ ส่วนเมนูอาหารจัดเลี้ยงเป็นบุฟเฟ่ต์กว่า 12 เมนู โดยเราพยายามเลือกเมนูที่ทานง่าย และมีอาหารที่ไม่เผ็ดจนเกินไป เพราะมีเด็ก ๆ มาร่วมงานเยอะ ตัวอย่างอาหาร เช่น เมี่ยงชะพลู กุ้งทอดเกล็ดข้าวโพด สปาเก็ตตี้ ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ อกไก่ย่างราดครีมซอสผักโขม แกงเผ็ดเป็ดย่าง ส่วนของหวาน เช่น สตรอว์เบอร์รี่ครัมเบิ้ล เครมบรูว์เล่ และไอติมราสเบอร์รี่ ที่คุณพ่อชอบครับ  

       ในเรื่องรสชาติอาหารเราได้รับฟีดแบ็คที่ดีมากครับ วัยรุ่นก็ชมของหวานว่าอร่อย ส่วนแขกผู้ใหญ่จะชมของคาว ในฐานะคนจัดงานแต่งงาน การได้รับคำชมว่าอาหารอร่อย เราก็แฮปปี้แล้วครับ

ภาพแคนดิดจากหลานสาว กลายเป็นภาพถ่ายไวรัลบน Social

       เหตุผลที่เลือกน้องแอล หลานสายวัย 3 ขวบ มาถ่ายรูป เกิดจากการคุยกันเองว่า ในงานเรามีช่างภาพมืออาชีพที่ถ่ายสวย ๆ ให้อยู่แล้ว เราอยากได้ภาพโมเมนต์น่ารัก ๆ ฮา ๆ เลยคิดว่าให้เด็กวัยพอรู้เรื่องมาถ่ายรูปด้วยดีกว่า ก็นึกได้ว่าน้องแอลน่าจะทำได้ เลยบอกกับคุณแม่ของน้อง สุดท้ายก็ได้น้องแอลมาถ่ายรูปในวันแต่งงานของเรา โดยผมสอนวิธีใส่ฟิล์มและถ่ายรูปคร่าว ๆ แต่น้องจะถ่ายตอนไหนไม่ซีเรียส เพราะอยากให้เหมือนเป็นของเล่นของหลานมากกว่า เพราะหลังจบงาน ผมก็ให้กล้องฟิล์มกับน้องแอลไปเลยครับ

       จากตอนแรกที่ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่กลายเป็นว่าพอล้างฟิล์มออกมา ภาพถ่ายออกมาดีเกินคาด พวกเราชอบรูปที่หลานถ่ายมาก เมื่อทางทีมงานเห็นภาพก็ขอนำไปลง Social จนเกิดกระแสไวรัลตามมาครับ

ประทับใจทีมงานดี มีแต่ความทรงจำแสนพิเศษ

       ต้องบอกว่าบรรยากาศวันงานดีจนทำให้เราไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลย สิ่งที่อยากได้ อยากทำ อยู่ในงานนี้หมดแล้ว เหมือนนัดกินข้าวรวมญาติและเพื่อน ๆ มากกว่า เพราะเพื่อนผมบางคนไม่ได้เจอหน้ากันเกือบ 30 ปีตั้งแต่มัธยมด้วยครับ โดยเฉพาะความประทับใจที่มีต่อหลานสาว สิ่งที่เราได้มากกว่าภาพสวย แต่ยังได้เห็นน้องมุ่งมั่นตั้งใจถ่ายภาพ แถมแขกที่เห็นเด็กมายืนถ่ายรูปก็เอ็นดูและให้ความร่วมมืออย่างดี กลายเป็นสีสันและทำให้บรรยากาศงานดูอบอุ่นยิ่งขึ้น

       ส่วนสถานที่ เราประทับใจความสวยงามตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แต่อีกสิ่งสำคัญคือ การประสานงานของคุณแพร์และทีมงานที่ดูแลจัดการอย่างมืออาชีพ ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาได้ดี แต่ยังให้คำปรึกษา แนะนำ และเสนอทางเลือก เพื่อช่วยให้งานแต่งของเราไม่มีอุปสรรคครับ ต้องขอบคุณทั้งสถานที่และทีมงานทุกทีมที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพ ทีมรันคิว โฟโต้บูธ ชุดบ่าวสาว ช่างแต่งหน้า ทำผม เราสองคนโชคดีที่ได้เจอทีมงานดี ๆ จนทำให้งานออกมาสมบูรณ์แบบครับ

คำแนะนำบ่าว-สาว

จัดงานให้เป็นตัวเอง : วาดฝันอยากแต่งงานแบบไหนก็จัดแบบนั้น เป็นตัวของตัวเอง จัดแบบที่ตัวเองชอบ ขณะเดียวกัน เรื่องพิธีต่าง ๆ อย่าลืมที่จะปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน เพื่อจะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย

มีเวลาวางแผนเตรียมงาน ยิ่งนานยิ่งดี : หากบ่าวสาวไม่เจอฤกษ์ด่วน หรือมีเหตุที่ต้องจัดงานกระชั้นชิด การวางแผนเตรียมงานแต่งให้นานสักหน่อยก็ดี เพราะจะทำให้ไม่ลน ช่วยลดความผิดพลาดได้ อีกทั้งมีเวลาตัดสินใจเลือกทีมงานได้ละเอียดขึ้น  

หาทีมงานที่ดีและไว้ใจได้ : ก่อนเลือกทีมงานต่าง ๆ ควรหาข้อมูลและพูดคุยกับแต่ละทีมให้มากที่สุด จะได้รู้สไตล์การทำงาน หรือให้หาทีมงานที่มาจากการบอกต่อ สอบถามคนใกล้ตัว อย่างเช่น ลองถามทางสถานที่ว่าใช้ออแกไนซ์เจ้าไหนดี ถ้าเราชอบ ก็จะยิ่งได้ทีมที่เขาสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น เมื่อได้ทีมงานแล้ว ควรบรีฟความต้องการให้ละเอียด จะได้ไม่เกิดปัญหาหน้างาน และเมื่อวันงานมาถึง ก็ควรไว้ใจในทีมงาน ปล่อยให้เขาทำหน้าที่ของตัวเอง