รีวิวงานแต่ง สวยแบบ Minimal & Cozy @ The Petal Garden & Studio

The Petal Garden & Studio กลาสเฮ้าส์สุดสวยและสวนสไตล์อังกฤษ

     ไอน่าอยากมีงานแต่งที่มีบรรยากาศโคซี่ เบาๆ สบายๆ และด้วยสถานการณ์ Covid -19 ที่ผ่านมา เราแทบไม่ได้เจอหน้าเพื่อนและครอบครัวเลย จึงเลือกจัดงานสไตล์รียูเนี่ยน ที่อบอุ่น เป็นกันเอง ตอนแรกคิดจะจัดงานริมทะเลด้วย หรือไม่ก็กลาสเฮาส์ แต่พอได้ฤกษ์เป็นช่วงฤดูฝน กลาสเฮาส์จึงเป็นคำตอบของเราค่ะ

       ไอน่าหาสถานที่จัดงานผ่านโซเชียลมีเดีย และเจอ The Petal Garden & Studio ตั้งแต่ยังเป็นแบบ 3D อยู่เลยค่ะ (หัวเราะ) แต่เท่าที่เห็นก็ชอบ เลยนัดไปดูสถานที่จริง พอได้ฟังคอนเซ็ปต์เพิ่มเติมจากเซลล์ก็รู้สึกว่าที่นี่แหละใช่ ด้วยพื้นที่ที่เป็นระนาบเดียว เป็นมิตรกับแขกที่เป็นผู้สูงอายุ ทั้งยังมีสวนสีเขียวสไตล์อังกฤษ ที่มีลานต้นโอลีฟเป็นไฮไลท์ ประกอบกับได้เจอคุณอ๊อฟ ปองศักดิ์ พอได้รู้ว่าเขาเป็นเจ้าของ เราเป็นแฟนคลับก็ยิ่งปลื้ม สุดท้ายไอน่ากับหมูจองมัดจำวันนั้นเลยค่ะ (หัวเราะ)

สวยอบอุ่นด้วยธีมสี White-Greenery และ Rosegold

       เราใช้ธีมสี White-Greenery และ Rosegold ในการตกแต่งค่ะ มีฉากแบ็คดร็อปถ่ายภาพที่ประดับด้วยดอกไม้และโครงเหล็กพ่นสีโรสโกลด์วางตรงโซนพาวิลเลียนซึ่งเป็นอาคารแยกส่วนกัน ตรงสวนส่วนกลางจะมีแกลเลอรีวางภาพถ่ายบ่าว-สาว และมีสแตนด์ดอกไม้ในอุโมงค์ทางเดินเข้าสู่กลาสเฮาส์ สำหรับตรงเวทีนั้น มีตกแต่งดอกไม้บนพื้นเพิ่มเติมและประดับด้วยโลโก้งาน ที่มาจากตัวย่อของชื่อเล่นเราสองคนก็คือ A และ M ซึ่งเมื่อกลับหัวลงจะกลายเป็นตัว W ก็มาจากตัวอักษรแรกของนามสกุล ซึ่งโลโก้นี้เพื่อนเจ้าสาวช่วยดีไซน์ให้เป็นพิเศษ นอกจากนี้ มุมนี้ยังมีแชนเดอร์เลียและแสงที่สาดส่องเข้ามา ดูอบอุ่น และทำให้งานดูสวยแบบเป็นธรรมชาติค่ะ  

พิธีหมั้นเช้า ฉลองเที่ยง จบในครึ่งวัน

       งานเราเป็นพิธีหมั้นจีนค่ะ แต่ไอน่าใส่ชุดไทยในช่วงทำพิธีด้วย (หัวเราะ) พิธีแรกเริ่มด้วยแห่ขันหมากที่เจ้าบ่าวจะตั้งขบวนอยู่ที่สวนด้านนอก พอเขาผ่านด่านการกั้นประตูของเพื่อน ๆ รวมถึงเจรจาสู่ขอเสร็จแล้วก็จะมารับตัวเจ้าสาวที่นั่งรออยู่ตรงลานต้นโอลีฟ จากนั้นก็กลับเข้ามาทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน ทานขนมอี๊ และส่งตัว ซึ่งห้องทำพิธีส่งตัวมีข้อดีตรงที่มีประตูเชื่อมต่อไปยังห้องแต่งตัวสำหรับบ่าว-สาว จึงช่วยลดเวลาในการเปลี่ยนชุดได้มาก ไอน่ากลับมาด้วยชุดยกน้ำชาสีแดงสด เสร็จแล้วก็พักให้ทีมสถานที่ย้ายเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ และจัดวางโต๊ะ Long Table สำหรับงานเลี้ยงฉลองที่มีทั้งชั้นล่าง และบนชั้นสองที่จัดไว้สำหรับเพื่อน ๆ ค่ะ โดยระหว่างที่รอ แขกยังสามารถถ่ายภาพเล่นได้ที่โฟโต้บูธ ซึ่งไอน่าเลือกตั้งไว้ที่มุมใกล้เวทีค่ะ 

       เมื่อเข้าสู่ช่วงฉลองตอนเที่ยง เราออกมาถ่ายรูปกับแขกจนครบถ้วน ก็เปิดตัวด้วยการเดินลอดอุโมงค์ ผ่านเพื่อนที่โปรยดอกไม้ ขึ้นบนเวที มีประธานกล่าวอวยพร สัมภาษณ์บ่าว-สาวนิดหน่อย ตอนที่เราอยู่บนเวทีแอบเห็นเพื่อน ๆ จากชั้นสอง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นศิลปินที่มีแฟนคลับมาดูเราเล่นคอนเสิร์ตเลยค่ะ เพราะช่วงทำพิธี เพื่อน ๆ ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ (หัวเราะ) พอตัดเค้กบนเวทีแล้ว เราไปโยนช่อดอกไม้ที่ลานต้นโอลีฟ ก็เสร็จพิธีค่ะ

       งานนี้เราจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์ ไอน่าชอบที่ที่นี่มีห้องจัดเลี้ยงอาหารโดยเฉพาะ ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำ จัดแบ่งโซนได้อย่างเป็นสัดส่วน ทำให้แขกได้รับความสะดวก เดินแล้วไม่หลง ไม่งงด้วยค่ะ 

       ส่วนเมนูอาหาร ก็มีต้มยำทะเล ลาบหมู ปลากระพงนึ่งมะนาว หมูผัดพริกไทยดำ แกงเขียวหวานไก่ และเราเพิ่มซุ้มอาหารที่มีกระเพาะปลาเนื้อปู และหมู-ไก่สะเต๊ะเข้าไปด้วย ซึ่งแขกส่วนใหญ่ชมว่าอาหารอร่อย เครื่องเยอะ รสชาติดีค่ะ

อิ่มเอมใจได้เจอเพื่อนและครอบครัว ทีมงานดี สถานที่สวย

       เราประทับใจทุกอย่างเลย เพราะวันงานราบรื่นมาก และยังจดจำช่วงเวลาดี ๆ ในวันงานได้มากมาย อย่างเช่น แขกบางคนที่ปกติดูเคร่งขรึม พอมายืนถ่ายโฟโต้บูธจะเผยให้เห็นอีกมุมที่ดูน่ารักไปอีกแบบ

       ไอน่าประทับใจช่างแต่งหน้าที่ช่วยปรับลุคเราออกมาได้สวยเลิศ ตลอดจนประทับใจทีมงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทีมออแกไนซ์ ทีมช่างภาพที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับมู้ดแอนด์โทนของภาพ ช่วยสร้างความเป็นกันเองกับแขก เพื่อให้ภาพออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นทางการ และไม่ดูเด็กเกินไปด้วยค่ะ

       ที่สำคัญ ไอน่าชอบสถานที่จัดงานที่สวยและมีทีมงานที่บริการดี เซอร์วิสครบครัน ช่วยให้งานราบรื่น จนแขกประทับใจ แม้ว่างานจะผ่านไปแล้ว ก็ยังมีคนชมว่าชอบที่งานมีบรรยากาศอบอุ่นแบบนั้นค่ะ

แนะนำบ่าวสาว

อย่านอยด์กับจำนวนแขกที่ไม่เป๊ะตั้งแต่แรก : ถ้าพบว่าแขกไม่สามารถให้จำนวนคนที่มาได้แน่นอน ให้ใช้วิธีจัดโต๊ะแบบแบ่งเป็นโต๊ะก่อนนับจำนวนคน เช่น โต๊ะนี้จองไว้ให้สองครอบครัวที่สนิทกัน จากนั้น ก็ใช้วิธีบวกลบ สมาชิกในครอบครัวนั้นจะง่ายกว่า

จัดงานแต่งเพื่อถ่ายทอดตัวตนบ่าว-สาว : ก่อนจัดงาน เราดูงานคนอื่นเพื่อเป็นไกด์ไลน์เบื้องต้นได้ แต่สุดท้าย ต้องดูความชอบของตัวบ่าว-สาวเป็นหลัก เราจัดงานแต่งเพื่อถ่ายทอดตัวตนของเรา และสอดแทรกลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้แขกรู้ว่าทุกคนคือคนพิเศษของเรา แม้จบงานไป แต่ทุกฝ่ายจะยังประทับใจอยู่

หาช่างแต่งหน้าที่ทำให้เราสวยแบบเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด : สิ่งที่จะอยู่กับเราไปตลอดสำหรับการจัดงานแต่ง คือใบหน้าเราที่อยู่ในภาพถ่าย ดังนั้น ควรลงทุนกับช่างแต่งหน้า และดูผลงานที่แสดงโดยนางแบบที่มีรูปหน้าคล้ายเรา เพื่อจะได้จินตนาการตามได้ง่าย ช่างแต่งหน้าที่ดีจะทำให้เราสวยมั่นใจได้ โดยที่เรายังรู้สึกเป็นตัวของตัวเองค่ะ

Photo : 18% Grey Studio