บรรยากาศไม่ซ้ำใคร ใช้สถานที่แต่งงานบนเรือ!
แนทมีเวลาเตรียมงานแต่งงานล่วงหน้าประมาณ 11 เดือนค่ะ ด้วยความที่แฟนแนททำธุรกิจเรือสำราญ เราจึงอยากสร้างเรือลำใหม่ เพื่อใช้สำหรับงานแต่งงานของเราเป็นงานแรก แต่เวลาก็กระชั้นชิดมาก กังวลว่าจะสร้างเรือไม่ทัน เราเลยทำอย่างอื่นไปก่อน เช่น จัดการเรื่องการ์ดแต่งงาน ซึ่งที่สุดแล้วก็ยากอีก เพราะเราระบุไม่ได้ว่าจะใช้เรือลำไหนค่ะ (หัวเราะ) เรียกว่าหนึ่งเดือนก่อนงานเรายังตอกตะปูเรือกันอยู่ ตกแต่งเร่งด่วน โดยตลอดทั้งงานนี้ แนทคิดและแพลนทุกอย่างเอง ใช้เพียงทีมรันคิวเท่านั้นค่ะ
งานออกมาเป๊ะ เพราะวางแผนไว้ครอบคลุม
พิธีหมั้นช่วงเช้า เราจัดก่อนงานฉลอง 2 สัปดาห์ โดยเลือกสถานที่ที่โรงแรม Shangri-La Hotel (แชงกรีล่า กรุงเทพฯ) ซึ่งอยู่ริมน้ำ มีไฮไลท์เป็นศาลาทิพย์ที่สวยมาก และเลี้ยงอาหารกันที่โรงแรมค่ะ
สำหรับงานฉลองนั้น เราจัดงานบนเรือซึ่งต่างจากโรงแรมตรงที่มีเวลาเข้าเทียบท่า และเวลาออกเรือที่ชัดเจน ทำให้แขกกังวลเรื่องการมาไม่ทัน ผลคือทุกคนมาเร็วมาก และใส่ชุดราตรีมา เราคิดแพลนเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้า จึงเตรียมสถานที่ที่เป็นร้านอาหารบริเวณใกล้เคียงไว้ก่อน จัด Soft Drink รองรับแขก นอกจากนี้แนทยังเตรียม Plan B เอาไว้ ถ้าใครตกเรือจริงๆ ภายใน 15 นาทีหลังเรือออก จะมีสต๊าฟพาลงเรือด่วนมาที่เรือใหญ่ของเราค่ะ ตรงนี้กลายเป็นว่าแขกสนุกไปอีก (หัวเราะ)
จุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ที่หอมหวาน เป็นเอกลักษณ์
สำหรับคอนเซ็ปต์งาน แนทอยากได้งานที่มีลักษณะเฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร จึงนำเอาความฝันวัยเด็กของตัวเองที่อยากจะมีร้านขนมน่ารักๆ มาดีไซน์ให้เป็น Backdrop ถ่ายรูปค่ะ ตรงจุดนี้จะทำให้มีมิติ เปิดประตูออกมาจากด้านในได้ ซึ่งแนทได้ทีมที่ทำฉากละครเวทีสมัยไปเป็นนางเอกให้เขามาช่วยดูแลให้ ฉากนี้ก็เหมือนได้สื่อตัวตนไปในตัว มีความเป็นละคร เป็นนักแสดงค่ะ
สำหรับของชำร่วย เราเลือกเป็นลิปบาล์ม เพราะเป็นของ Unisex ที่ทุกคนใช้ได้ โดยดีลกับผู้เชี่ยวชาญโดยตรง แนทชอบของหอมหวาน เพราะเป็นเคล็ดเรื่องชีวิตคู่ จึงเลือกลิปเป็นกลิ่นขนม สุดท้ายได้ออกมาเป็นกลิ้นคุ้กกี้แมคคาเดเมียค่ะ ส่วนตลับก็ทำกล่องให้เหมือนคุ้กกี้ชิ้นเล็กๆ ปิดท้ายด้วยสติกเกอร์ด้านบน เขียนว่า ‘จูบลาชีวิตโสด’ เป็นภาษาอังกฤษ ที่สำคัญใต้ตลับจะมีสติกเกอร์ติดไว้เป็นบางชิ้นด้วย ไว้เล่นเกมส์ท้ายงานค่ะ
จัดเต็มความหรูหราและโรแมนติก
สำหรับเรือ Meridian Cruise ของเรานั้น เป็นเรือสองชั้นค่ะ ด้านล่างเป็นห้องแอร์ เราใช้เป็นจุดรับของชำร่วย รวมถึงเตรียมนักดนตรีมาสีไวโอลินด้วย เมื่อแขกถ่ายรูปกับบ่าวสาว ตรง Backdrop เสร็จ ก็จะเดินวนออกอีกทางไปเจอกับโซนอาหารเลย มีบาร์น้ำเตรียมไว้พร้อม นอกจากพวกค็อกเทลก็มีซุ้มอาหารหนัก ซึ่งเชฟของเราทำอาหารได้อร่อยอยู่แล้วจึงไม่น่ากังวลค่ะ
ส่วนของชั้นบนซึ่งเป็น Open-air แบบมีหลังคานั้น เราเน้นตกแต่งด้วยดอกไม้สดตามธีมสีชมพูฟ้า ตรงส่วนของชั้นนี้ก็มีอาหารเช่นกันค่ะ มีพนักงาน Pass around คอนเสิร์ฟแอลกอฮอล์ โดยเราจ้างคนมาเพิ่มเป็นพิเศษ ชั้นนี้เรามีเชฟจากโรงแรมห้าดาวมาดูแลอาหารให้ มีซีฟู้ด กุ้ง แซลมอน ซุ้มซาชิมิ ซูชิค่ะ ซึ่งโดยปกติบนเรือเราก็มีให้บริการอาหารญี่ปุ่นแนวนี้อยู่แล้วด้วย
การรองรับแขกบนเรือ สามารถจุได้สูงสุด 500 คนค่ะ ถ่ายทอด OB เพื่อให้แขกเห็นบรรยากาศงานทั้งหมดได้ งานของแนทเองทีมที่ทำของชำร่วย เขาน่ารักมาก ทำอโรม่ามาด้วย เป็นกลิ่นเดียวกันเลย ก็จะใช้เป็น Diffuser สร้างบรรยากาศไป แขกที่มางานก็สัมผัสได้ทั้งภาพ รสชาติอาหารและกลิ่น ครบทุกมิติเลยค่ะ
คุมธีมอยู่หมัดด้วยเพลงโปรด
สำหรับพิธีการเราจัดกันบนเวทีชั้นสอง เริ่มจากฉาย Presentation งานเช้า เป็นสัญญาณบอกแขกว่างานจะเริ่มแล้ว เราได้พี่เจมส์ เรืองศักดิ์มาเป็นพิธีกร มีบอกประวัติบ่าวสาวเล็กน้อยพอเป็นพิธี หลังจากนั้นนำเข้าหนังสั้นที่แนทแสดงเอง เล่าว่าเราเจอกันยังไง เพราะฉะนั้นพอถึงช่วงสัมภาษณ์บ่าวสาวจริงๆ คำถามเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นแล้วค่ะ เพราะแขกได้ดูกันไปหมดแล้ว ก่อนจะพบกับบ่าวสาว เพื่อนเจ้าสาวจะให้เกียรติมาร้องเพลง เป็นเพลงที่แนทชอบและมีความหมายกับคู่ของเรา เพราะเจ้าบ่าวจำได้ว่าแนทชอบเพลงนี้ และขอให้นักดนตรีบนเรือเล่นให้ในครั้งแรกที่เราเจอกันค่ะ เพลงนั้นคือเพลง ‘Can't take my eyes off you’
ในช่วงนี้เรามีการแสดง แนทชอบการเต้น และอยากให้งานมีกิมมิคมากกว่าแค่ให้เพื่อนโปรยดอกไม้ เลยทำเหมือนปาร์ตี้ใส่หน้ากาก ให้เพื่อนบ่าวสาวออกมาเต้นและเดินแบบ เพื่อนเจ้าสาวจะใส่ชุดสีฟ้า ส่วนเนคไทด์กับผ้าเช็ดหน้าของเพื่อนเจ้าบ่าวก็จะเป็นสีเดียวกันนี้ค่ะ ทุกคนฟีดแบคว่าโมเม้นท์นี้เก๋มาก เป็นกิจกรรมที่มีสีสันค่ะ
พอถึงช่วงเปิดตัวบ่าวสาว เราก็เปลี่ยน Beats เพลงเดียวกันนี้ให้ช้าลงหน่อย เพื่อดึงความสนใจแขก หลังเชิญประธานขึ้นมาอวยพรเสร็จ พิธีกรก็พูดคุยกับบ่าวสาว แล้วเราก็ตัดเค้กค่ะ
ในส่วนของเค้กแนทได้พี่ฝน-วรรณวลัย โปษยานนท์มาช่วยดูแลให้ เค้กร้านเขาขึ้นชื่อเรื่องความสวย หอมอร่อยอยู่แล้ว ธีมงานเราเป็นเรือ โลโก้เป็นสมอเรือ เขาก็เอาโลโก้เราไปทำเป็นท็อปเปอร์กากเพชรด้วย ตัวเค้กจะเน้นสีขาวประดับด้วยเพชรค่ะ ทั้ง 3 ชั้นจะเป็นต่างรส แขกจะได้ลิ้มลองรสชาติแปลกใหม่ นอกจากนี้พี่ฝนยังสั่งกุหลาบนำเข้า 5 ชนิดที่มีความหมายดีมาประดับบนเค้กให้ ซึ่งพอตัดเค้กเสร็จเรามีซีนป้อนเค้กกันด้วย เพราะการตัดเค้กเป็นความเชื่อว่าเป็นมื้อแรกที่เราแบ่งปันกันค่ะ
สำหรับแสงสีเสียงและไฟต่างๆ แนทก็ให้ความสำคัญมาก เราใช้ทีมที่เคยจัดคอนเสิร์ตบนเรือ ซึ่งเป็นทีมที่จัดให้โรงแรมดุสิตธานีมาช่วยคุมให้ค่ะ ในงานเรามีไฟบีมส่องขึ้นฟ้าให้รู้ว่าเรือลำนี้มีงานแต่งงาน ได้ฟีลเหมือนผับเคลื่อนที่ลอยน้ำจริงๆ
ไอเดียสนุกที่แขกทุกคนร่วมเอนจอย
ช่วงแจกรางวัล ใครหยิบได้ของชำร่วยที่มีสติกเกอร์รูปไหนก็จะออกมารับรางวัลอันนั้นค่ะ อย่างรูปสมอเรือจะได้วอยเชอร์มาดินเนอร์บนเรือ ใครเจอรูปตุ๊กตาก็จะมีเซรั่มหน้าแจกให้ ของรางวัลก็จะมาจากพันธมิตรของเรา ที่แนทเคยเป็นพรีเซนเตอร์ แขกมางานก็สนุกได้ลุ้น เจ้าของโปรดักส์ก็แฮปปี้ที่ได้โปรโมต บ่าวสาวเราก็ดีใจไปด้วยค่ะ
นอกจากนี้เรายังมีรางวัลแต่งกายปัง บรีฟไว้ล่วงหน้าแล้ว ทุกคนเลยตั้งใจแต่งสวยกันจัดเต็มมาก คนที่ชนะจะได้คอร์สยกกระชับหน้า มูลค่า 50,000 บาทค่ะ ส่วนรางวัลรองลงมาจะได้คอร์สต่อขนตาไป
ท้ายสุดเป็นช่วงโยนดอกไม้ ใครรับได้จะได้มงกุฎ สายสะพายเขียนว่า Bride to be และได้บัตรทานบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นที่พัทยา 2 ที่ โดยเราแถมที่พักให้อีก 1 คืนค่ะ โมเม้นท์นี้ไม่มีใครลังเลเลยที่จะออกมา (หัวเราะ)
ช่วงเวลานี้เราเลือกใช้พื้นที่ที่สวยและโรแมนติกที่สุดของเรือคือตรงหัวเรือค่ะ รูปออกมาสวยงามมาก แนทไปศึกษาวิธีโยนช่อดอกไม้มา ถึงรู้ว่าที่เขาชอบมีให้โยนหลอกคือเพื่อให้ช่างภาพเก็บภาพได้ทันค่ะ ของแนทเราพื้นที่จำกัด เลยไม่ต้องโยนไกลมาก สะบัดข้อมือนิดเดียวก็โอเคค่ะ ไม่ต้องชูสุดแขน ได้ภาพที่เหมาะสมด้วย
ครบสูตรทุกมู้ดแอนด์โทน
ปิดท้ายด้วยอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่บ่าวสาวเราไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วมาเต้นรำแบบ Argentine tango มีดีเจเปิดแผ่นเพลงยุค 90’s (แต่แน่นอนว่าเพลงแรกคือ Can't take my eyes off you เพื่อคุมธีมค่ะ) งานนี้เรามีแขกผู้ใหญ่ เขาก็จะได้เห็นช่วงพิธีการ แล้วก็ได้เอาใจเพื่อนๆ ด้วยเพราะมีปาร์ตี้ให้เขาได้ชิลล์จริงๆ ฟีลดิสโก้เลย
งานนี้แนทและเจ้าบ่าวตั้งใจเตรียมงานกันจริงๆ ทีมงานทุกส่วนก็ดูแลงาน ประสานงานกันได้ดีทั้งที่ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน ทุกคนนึกถึงภาพรวมของงาน ทำให้ทุกอย่างออกมาดี น่าประทับใจและน่าจดจำจริงๆ ค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
อยากได้งานแต่ง Unique ต้องยอมเหนื่อยหน่อย : พยายามคิดนอกกรอบ อย่ายึดติดกับความสำเร็จรูปตายตัวค่ะ แต่รับรองว่าพองานออกมาแล้วทุกคนประทับใจ พูดถึง เราก็มีความสุข รู้สึกคุ้มค่าเลยค่ะ
ปรับเปลี่ยนความฝันตามความเหมาะสม : อย่าคิดแค่เพียงว่าอยากได้แบบนั้น แล้วมันต้องเป็นแบบนั้นเสมอไป หากมันไม่เหมาะกับช่วงเวลานั้น ปรับเปลี่ยนบ้างจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าค่ะ