Benedict studio สถานที่แต่งงานในฝัน
เมธ์เคยมีโอกาสไปที่ Benedict studio (เบเนดิกต์ สตูดิโอ) เมื่อประมาณ 7-8 ปีก่อนค่ะ ตอนเห็นสถานที่ก็คิดมาตลอดว่าถ้าจะแต่งงานต้องจัดที่นี่เท่านั้น เมธ์ชอบตัวสถานที่ที่มีเอกลักษณ์ ดีไซน์โดดเด่น และสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เรียกว่าประทับใจมากตั้งแต่สมัยยังไม่ได้ขยายโซนใหม่ ยังเป็นแค่สตูดิโอถ่ายรูปอยู่
สำหรับรูปแบบงาน ของเมธ์จัดแบบหมั้นช่วงบ่าย ฉลองช่วงเย็นค่ะ แขกของเรามี 300 คน ใช้พื้นที่ทั้งหมด 3 ห้อง ห้องแรก ST.VALENTINE ไว้ต้อนรับแขกค่ะ โครงสร้างเป็นสถาปัตยกรรมโรโกโก โทนชมพูโดดเด่น ดูหวานโรแมนติกมากค่ะ ส่วนห้อง PAULO ไว้จัดพิธีงานหมั้น ห้องนี้มีจุดเด่นเป็นเสาโรมันแกะสลักเรียงแถวกัน และผนังลวดลายวิจิตร เพดานเป็นกระจก ละมุน อบอุ่นมากๆ ค่ะ และงานเลี้ยงตอนเย็นเป็นห้อง BENEDICT THEATRE ห้องเป็นโทนสีขาว เสาแกะสลักสไตล์โกธิค มีบันไดเป็นซิกเนเจอร์ สวยมากเลยค่ะ
เมธ์ขอยกเครดิตหลายๆ ส่วนให้กับคุณฟ้า และทีมออแกไนเซอร์ Cher the wedding ค่ะ เพราะเมธ์ไม่ได้อยู่ไทย เลยใช้ออแกไนเซอร์ทั้งหมด เวลาเมธ์ฟุ้งๆ ว่าอยากได้อะไร คุณฟ้าจะเป็นคนที่เนรมิตให้มันเป็นจริงค่ะ พูดน้อยอธิบายน้อย แต่เก็ทกันเร็ว เมธ์แค่บอกโทนสีที่อยากได้ ชนิดดอกไม้ที่ชอบ แค่นั้นเขาก็ออกแบบมาให้เลย แล้วก็ตรงใจเมธ์ทุกอย่างค่ะ
สวยสะกดสายตา ด้วยดีเทลที่หรูหราตราตรึง
เนื่องจากเมธ์เป็นผู้หญิงดีเทลเยอะ ธีมงานแต่งของเมธ์เลยเป็นดีเทลค่ะ เพราะเมธ์ชอบดอกไม้เล็กๆ สีขาว ตัดกับสีเขียวเข้ม แต้มสีชมพูนิดๆ ให้ดูหวานๆ ด้านนอกแบ็คดรอปจึงเป็นแบบ 3D สโลปกับบันได ตกแต่งมุมด้วยดอกไม้เล็กๆ เพราะเมธ์เป็นคนตัวไม่สูง สโลปบันไดเลยจะคอยช่วยในเรื่องมุมเวลาถ่ายภาพค่ะ ส่วนของชำร่วย เป็นตัวล็อคกระเป๋าเดินทางที่เป็นรหัส แล้วก็ใส่โลโก้งานแต่งค่ะ
ชุดเจ้าสาว เมธ์ใช้บริการจากร้าน NICHp ค่ะ เนื่องจากธีมเป็นดีเทล ชุดเมธ์เลยเป็นแบบเรียบๆ เพื่อที่จะให้ตัวเองเด่นออกมาจากธีม เสริมรูปร่างด้วยทรงเมอร์เมด เน้นเอวสะโพก เป็นสไตล์เรียบแต่หรูค่ะ ส่วนเจ้าบ่าว แฟนตัดสูทใส่อยู่แล้ว จะมีช่างตัดสูทส่วนตัว เมธ์แค่ช่วยออกแบบผ้ากับสี ว่าใส่สีอะไรถึงจะเด่นกว่าแขก จึงได้เป็นทักซิโด้สีขาว กางเกงสีดำ และ Dress Code ของแขก เป็นสีชมพูกะปิกับสีนู้ดค่ะ
ตกแต่งงดงามดั่งใจ
ในส่วนของด้านในด้วยความที่ห้อง BENEDICT THEATRE จะมีข้อจำกัดคือพื้นที่ค่อนข้างเล็ก แต่เป็นข้อดีตรงที่เพราะมันเล็กทำให้จัดอะไรก็ดูสวยเต็มได้ง่าย เมธ์จัดโต๊ะเป็น Long Table นั่งได้ 96 ที่ค่ะ ให้แขกคนสำคัญที่เป็นผู้ใหญ่ และเพื่อนสนิทนั่ง ส่วนแขกที่เหลือ จะยืนอยู่บริเวณรอบข้างตรงโต๊ะสูงหลายๆ มุม
การตกแต่งเมธ์แค่บอกคุณฟ้าว่าอยากได้ผ้าปูโต๊ะกับดอกไม้วางบนโต๊ะแบบไหน แล้วก็โทนสี ซึ่งภาพที่ออกมาตรงกับทุกอย่างที่เมธ์อธิบายกับคุณฟ้าเลยค่ะ ตอนเห็นสถานที่จริงเมธ์ร้องไห้ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มงานเลย (หัวเราะ) งานสวยมาก เขาสามารถดีไซน์ให้เข้ากัน โดยที่ไม่แย่งกับผนัง ทุกอย่างเสริมกันหมด ไม่ต้องแก้อะไรเลย เกินจากที่คาดฝันไว้มากจริงๆ ค่ะ
เรื่องอาหารก็ได้รับคำชมเยอะมากค่ะ ทีเด็ดคือข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง และไอศกรีมไอเบอร์รี่ ส่วนเค้กสแตนด์ เมธ์หารูปมาจาก Pinterest แล้วส่งให้คุณฟ้าบอกว่าต้องการแบบนี้เป๊ะ แค่เปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน ซึ่งของจริงมันก็ออกมาเป๊ะมาก เหมือนจนตกใจ (หัวเราะ)
บิ้วบรรยากาศด้วยความอบอุ่นเป็นกันเอง
พิธีแต่งงานของเราเริ่มต้นด้วยการเปิดเพลง เปิดตัวบ่าวสาว ก่อนที่จะมายืนตรงกลาง Long Table ค่ะ งานของเราจะเน้นการพูดความรู้สึก ไม่มีประธานเปิดงาน ลำดับพิธีจะให้คุณแม่กับพี่สาว และเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่าย พูดความรู้สึกเกี่ยวกับบ่าวสาว ไม่มีสวมมาลัย ไชโยก็ไม่มี จะเป็นงานแบบฝรั่งเลยค่ะ เพราะเมธ์อยากเก็บบรรยากาศตอนคนที่เรารักพูดความรู้สึกเกี่ยวกับเรา จากนั้นก็แลกคำปฏิญาณ ไปที่สแตนด์ตัดเค้ก นำเค้กไปให้ผู้ใหญ่ และโยนดอกไม้เป็นอันจบพิธี บรรยากาศมันอบอุ่นมากจริงๆ ค่ะ
งานนี้เมธ์ประทับใจมาก ด้วยพิธีเป็นการพูดความรู้สึก เลยตื้นตันมากๆ ค่ะ ความรู้สึกมันล้นไปหมดทุกอย่างเลย เพราะทุกคนขู่ไว้ว่าวันงานมันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ แต่เพราะเราได้ทีมออแกไนเซอร์ดี ก็เลยไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลยค่ะ ทุกอย่างเพอร์เฟคมาก จนเมธ์คิดว่าทำไมเราโชคดีจัง ไปทำบุญอะไรมา (หัวเราะ)
แนะนำบ่าวสาว
ออแกไนเซอร์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง : ตอนแรกเครียดมากค่ะ เพราะเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตของเรา ไม่รู้ว่าในงานต้องมีอะไรบ้าง มันเยอะมากเลย เพราะฉะนั้นต้องหาออแกไนเซอร์ที่ตรงกับจริตของเรา พอสไตล์มันใช่ก็จะคุยง่าย และเก็ทกันง่ายมากค่ะ
ชัดเจนเด็ดขาด : ตัวเจ้าสาวต้องชัดเจนว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร อย่างเมธ์จะบอกเลยว่าไม่ชอบดอกไม้แบบนี้ ไม่ชอบสีแบบนี้ ต้องชัดเจนกับเขาเราถึงจะได้ในสิ่งที่เราต้องการจริงๆ และหา Reference เยอะๆ เช่นจาก Pinterest ค่ะ
จัดงานที่ตัวเรามีความสุข : เราสามารถดีไซน์พิธีงานแต่งของเราโดยไม่จำเป็นต้องอิงว่างานแต่งคนอื่นเขาจัดยังไง ต้องมีประธานในพิธีเปิดงาน ต้องมีไชโย ให้มันครบตามพิธี เมธ์ว่ามันไม่จำเป็นค่ะ เราสามารถตามใจตัวเองได้ อย่าอายค่ะ เราจัดครั้งเดียว เอาที่มันเป็นตัวเราที่สุด ไม่ต้องยึดติดกับแบบแผนเดิมที่เขาทำกันมา