The Grand Fourwings Convention Hotel สถานที่แต่งงานใกล้สนามบิน เดินทางสะดวก
พิ้งค์จัดงานที่ The Grand Fourwings Convention Hotel (เดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ) ค่ะ คุณป้าเจ้าบ่าวเป็นคนแนะนำมา เพราะลูกชายของท่านเคยแต่งงานที่นี่ ตัวท่านเองก็มาใช้บริการบ่อย ตัวห้องใหญ่โต โอ่โถงดีนะคะ เพดานสูง ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเลย ที่สำคัญคือใกล้บ้านบ่าวสาวและสนามบิน สะดวกกับญาติที่มาจากต่างจังหวัด และถึงแม้จะอยู่นอกเมือง แต่ทุกคนสามารถขึ้นทางด่วนมาได้ง่าย รถไม่ติดด้วยค่ะ
ทีมงานดี เตรียมงานไหลลื่น แม้ไม่มีแพลนเนอร์
เราจัดงานแบบหมั้นเช้าเลี้ยงเที่ยง เพราะสะดวกกับแขกผู้ใหญ่และญาติจากต่างจังหวัด จะได้ไม่ต้องมางานเช้า กลับไป แล้วมางานเย็นอีกรอบ อีกอย่างเราทั้งคู่ไม่ใช่สายปาร์ตี้อยู่แล้ว จึงจัดงานทีเดียวเลยค่ะ ซึ่งเราจัดเองทุกอย่าง ไม่ได้จ้างแพลนเนอร์ ตอนแรกก็ค่อนข้างเครียดนะคะ แต่พอได้คุยกับทางโรงแรมก็คลายกังวลได้เยอะ ตั้งแต่ไปดูสถานที่ เซลล์ให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษาที่ดีมากๆ เราอยากได้อะไรเพิ่ม เขาก็พยายามช่วยเต็มที่ แล้ววันงานจะมีกัปตันเป็นคนดูแลความเรียบร้อย คอยติดตามงาน ทำให้โฟลว์งานไหลลื่น เรียบร้อยดีค่ะ
งานหมั้นเรียบง่าย ในห้องโดนใจ
สำหรับห้องที่ใช้หมั้น ตอนแรกเราได้ห้องที่เป็น 3 ห้องติดกัน A B C ซึ่งเราเลือกห้อง B เพราะใหญ่สุด รองรับแขก 50 คนของเราได้พอดี แต่ก่อนวันงานหนึ่งอาทิตย์ ทางเซลล์แจ้งว่า ห้อง A กับ C ที่อยู่ขนาบข้าง มีการจัดสัมมนา ซึ่งจะค่อนข้างวุ่นวาย ประกอบกับเราคิดว่าแขกน่าจะมาเกิน 50 คนตามที่แจ้งไว้ จึงปรึกษากับเซลล์ เขาเลยเปลี่ยนเป็นห้องชั้น 9 ที่ใหญ่กว่า ดีกว่า รองรับแขกได้ 70 คนให้ ซึ่งถูกใจมากค่ะ เพราะมีอยู่ห้องเดียว เป็นส่วนตัว ตอนแห่ขันหมาก ถ้าเสียงดังก็ไม่รบกวนใครด้วย
งานเช้าเราตกแต่งเป็นโทนชมพูพาสเทล และประดับด้วยดอกไม้ จัดพิธีง่ายๆ เริ่มจากแห่ขันหมากตามฤกษ์ตอน 07.09 น. ต่อด้วยรับตัวเจ้าสาว แล้วมาทำพิธีสู่ขอ ตรวจเช็คสินสอด ขันหมาก และสวมแหวน จากนั้นเราก็พักทานข้าว แล้วกลับมาทำพิธีรับไหว้ผู้ใหญ่และหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ เสร็จพิธีเช้า บ่าวสาวก็ขึ้นไปเปลี่ยนชุดค่ะ
ตกแต่งงานเลี้ยงเรียบง่าย ได้ใจแขก
สำหรับงานเลี้ยงเที่ยง เราย้ายไปอีกห้องค่ะ แขกช่วงนี้มีประมาณ 600 คน ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ กะไว้ไม่เกิน 400 คนเท่านั้น ซึ่งโชคดีที่ห้องใหญ่ และทางโรงแรมเปิดเพิ่มให้อีกห้อง แล้วกั้นครึ่งห้องให้เรา ทำเป็นห้องติดกัน ดีมากเลยค่ะ ตัวห้องเป็นแนวยาวตอนลึก เพดานสูง พิ้งค์ชอบห้องแบบนี้มาก เพราะถ้าเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือเป็นแนวกว้าง แขกที่นั่งขอบข้างจะหายไป ซึ่งห้องนี้มีจอโปรเจคเตอร์ขนาบซ้ายขวาให้ด้วย ฉะนั้นหลังห้องก็จะยังเห็นงานอยู่ แล้วตอนบ่าวสาวเดินเข้ามาจากหลังห้อง แขกจะได้เห็นบ่าวสาวทุกคนค่ะ
เราไม่ชอบความเว่อร์วัง อลังการ อยากได้งานที่ทุกคนมาแล้วรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง จึงไม่ได้ตั้งคอนเซ็ปต์การตกแต่ง แค่ใช้ธีมสีเป็นชมพู น้ำตาล เฉดเอิร์ธโทน ที่ไม่ดูหวานมากค่ะ ซึ่งเมื่อแขกมาถึงก็จะเจอโต๊ะลงทะเบียนอยู่ทางขวามือ ตรงนี้แขกจะได้รับเทียนหอมเป็นของชำร่วย พิ้งค์ชอบเทียนหอม แล้วรู้สึกว่า มันมีประโยชน์ ถึงแขกไม่ได้ใช้ก็เอาไปตั้งโชว์สวยๆ ได้
ใกล้ๆ กัน มีป้าย Welcome ที่มีรูปบ่าวสาวและพร็อพต้นซากุระ 2-3 ต้น จากนั้นพอเลี้ยวขวา มองตรงไปจะเป็น Backdrop อยู่ตรงกลาง ด้านซ้ายเป็นแกลอรี่ติดรูปพรีเวดดิ้งทำเป็นบล็อกตั้ง 5 อัน ส่วนด้านขวาเป็นแกลอรี่ที่ทางโรงแรมจัดให้ฟรี เป็นผนังสีขาว มีพรมและชั้นวาง ให้เรานำรูปใส่กรอบมาประดับค่ะ
ส่วนในงาน เราไม่ได้ตกแต่งอะไรเพิ่มจากแพ็กเกจของโรงแรมเลยค่ะ เพราะเท่าที่จัดออกมาตามธีมสีและสิ่งที่เราต้องการก็สวยอยู่แล้ว ตรงเวทีประดับดอกไม้ 2 ฝั่ง ซ้ายขวา มีตัวอักษรชื่อบ่าวสาวอยู่ตรงกลาง มีทางเดินเชื่อมจากเวทีมาถึงเค้กที่จัดไว้กลางห้อง เราจัดเลี้ยงเป็นโต๊ะจีนก็จะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ด้านซ้ายเป็นแขกเจ้าบ่าว ด้านขวาเป็นแขกเจ้าสาว มีโต๊ะ VIP 6 โต๊ะ ประดับด้วยดอกไม้ค่ะ
เราใช้อาหารของโรงแรมทั้งหมด ซึ่งฟีดแบคแขกดีมาก มีแต่คนชม จะบอกว่าอาหารเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เลือกจัดที่นี่ก็ได้นะคะ เพราะผู้ใหญ่บอกว่าที่นี่อาหารจีนอร่อย แล้ววันที่เราไปชิมอาหาร รสชาติก็โอเค สิ่งที่เราคอมเม้นท์เพิ่ม เขาก็ปรับให้ได้ แล้ววันงานก็ออกมาดีเลย
จัดเลี้ยงไม่ต้องมากพิธี งานนี้ขอยึดฤกษ์สะดวก
พิธีการช่วงงานเลี้ยง เรามีเปิดรูปงานเช้าให้แขกดู มีวงดนตรีของโรงแรมและคุณท็อฟฟี่ที่เป็นนักร้องมาร้องเพลงให้ช่วงรอ พอถึงเวลาเริ่มงานพิธีกรก็ขึ้นไปแนะนำตัว เปิดพรีเซนเทชั่นและแนะนำบ่าวสาว
จากนั้นก็เปิดตัวบ่าวสาว ตอนเดินใกล้ถึงเวทีจะมีเพื่อนโปรยดอกไม้ พอขึ้นเวทีแล้ว ประธานก็มาคล้องพวงมาลัยและอวยพรให้เรา เสร็จแล้วก็เป็นการสัมภาษณ์บ่าวสาว จากนั้นเราก็ไปจุดเทียน ตัดเค้ก รินแชมเปญ และมอบเค้กให้พ่อแม่ แล้วก็เข้าสู่ช่วงพูด speech โดยเลือกเพื่อนบ่าวสาวที่รู้จักเราทั้งคู่มาพูด 3 คนค่ะ
ช่วงโยนดอกไม้ เราเปลี่ยนเป็นดึงริบบิ้นแทน เพราะรู้สึกว่าถ้าโยน มันเดาไม่ยากว่าใครจะได้ ส่วนมากก็คนตรงกลาง เราอยากให้แฟร์ที่สุด ซึ่งเรามีการเตี๊ยมกับโรงแรมว่าอยากให้มีดอกไม้ 2 ช่อด้วย พอตอนดึงจะมีคนได้ 2 คน เขาก็จะอึ้งๆ กันหน่อยค่ะ (หัวเราะ)
พอโยนดอกไม้เสร็จก็มีสัมภาษณ์ ให้คำสัญญา จากนั้นก็ไปส่งตัวบ่าวสาว ตอนแรกจะส่งตัวที่บ้าน แต่เพราะไม่สะดวก จึงตัดสินใจไม่ยึดฤกษ์ ซึ่งตรงนี้ต้องชมโรงแรมค่ะ ถือเป็นข้อดีเลย เรามาตัดสินใจเช้าวันงานว่าจะทำพิธีส่งตัวหลังงานเสร็จ บอกทางโรงแรมว่าให้เคลียร์ห้องที่ใช้แต่งตัวให้ด่วน งานจบบ่ายสามจะขึ้นไปทำพิธีเลย โรงแรมก็จัดให้ได้เร็วมาก จากที่รกก็เรียบร้อยทันใช้งานค่ะ
พิ้งค์ดีใจที่งานผ่านไปได้ด้วยดี ต้องชมโรงแรมที่สามารถแก้ปัญหาหลายๆ อย่างให้เราได้ การบริการ ดูแล ใส่ใจดี อาหารอร่อย นอกจากนี้ก็ประทับใจช่างภาพมากๆ เราแจ้งเขาไปตั้งแต่แรกแล้วว่า งานเราน่าจะเกินบ่ายสอง เขาก็บอกว่าไม่ต้องซีเรียส ถ้าเลทเขาอยู่ให้ได้ ทำให้เราอุ่นใจมาก ไม่ต้องคอยกังวลเลยค่ะ แล้วมันก็เลทจริงๆ และเขาก็อยู่กับเราถึงสี่โมงครึ่งเลย
แนะนำบ่าวสาว
หมั้นเช้าเลี้ยงเที่ยง ถ้าแต่งหน้าใหม่ต้องเผื่อเวลา : ควรเริ่มงานเช้ามากๆ เพื่อจะได้มีเวลาแต่งหน้าทำผมสำหรับงานเลี้ยงใหม่ จะได้ไม่ต้องรีบและงานไม่เลท
ไม่จำเป็นต้องจ้างแพลนเนอร์ : ถ้ามีเวลา การจ้างแพลนเนอร์ก็ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น เราสามารถวางแผนล่วงหน้าและศึกษาร้านค้าที่ทำงานที่เราชอบได้ค่ะ
Credits & ร้านค้าแนะนำในบทความนี้
สถานที่แต่งงาน:
The Grand Fourwings Convention Hotelช่างภาพ วิดีโอ:
Chidchanok Photography