รีวิวงานแต่งธีมสี Shocking Pink หมั้นบ่าย 2 ต่อฉลอง พร้อม After Party ในที่เดียว @ Grand Richmond Stylish Convention Hotel

Grand Richmond Stylish Convention Hotel สถานที่สวยหรู มีจอ LED เพิ่มลูกเล่น

       โดยส่วนตัว เมย์ตั้งใจจัดงานแต่งที่โรงแรมอยู่แล้ว เพราะโรงแรมมีทั้งห้องพัก และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญก็คือเรื่องการเดินทาง โดยเมื่อคำนึงถึงการเดินทางของแขกส่วนใหญ่เป็นหลักก็พบว่า แขกของเมย์และเนียง (เจ้าบ่าว) อยู่ในละแวกดอนเมือง รามอินทรา รวมถึงยังมีญาติที่ต้องเดินทางมาจากต่างจังหวัดด้วย ก็เลยไม่อยากเข้าเมืองไปเจอรถติด จึงมองหาโรงแรมที่ไม่ไกลจากทำเลที่แขกพัก 

       พอเราไปสำรวจสถานที่จริงที่ Grand Richmond Stylish Convention Hotel(โรงแรม แกรนด์ ริชมอนด์) ก็ได้คุณตุ๊กเซลล์คอยแนะนำห้องจัดงานต่างๆ ที่เพิ่งรีโนเวทใหม่ด้วย สุดท้ายเมย์ตัดสินใจใช้ห้อง Grand Pearl ชั้น 35 ทำทั้งพิธีหมั้นและฉลองเลย เพราะชอบความเป็นส่วนตัว เนื่องจากชั้นนี้มีห้องจัดงานเพียงห้องเดียว คือกดลิฟต์มาก็เจองานเราเลยค่ะ 

       นอกจากนี้ เมย์ยังชอบตรงที่ระหว่างทางเดินไปห้องบอลรูม เป็นผนังกระจกใสตลอดทาง จึงทำให้เราสามารถมองเห็นวิวเมืองได้ ภายในห้องบอลรูมมีการตกแต่งที่ให้ฟีลเรียบหรู และที่สำคัญยังมีจอ LED ช่วยสร้างลูกเล่นของงานให้เราได้ด้วยค่ะ

เลือกธีมสีหลักเป็น Shocking Pink แล้วไล่เฉดเข้ม-อ่อนให้มีมิติ

       โดยส่วนตัวชอบสีชมพูค่ะ แต่ถ้าจะใช้สีเดียวทั้งหมดคงดูเรียบไป จึงให้ทีมตกแต่งยึดสีชมพูสดอย่าง Shocking Pink เป็นสีหลักไว้แล้วไล่เฉดสีเข้ม-อ่อน อย่างเช่น ชมพูบานเย็น ชมพูอมม่วง ชมพูเข้ม ชมพูอ่อนค่ะ

       สำหรับการตกแต่งในงาน เมย์เลือกตกแต่งแบบทีเดียวแล้วใช้ตั้งแต่งานหมั้นจนถึงงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ไปเลย โดยมีการตกแต่งตั้งบริเวณหน้าลิฟต์ด้วยสแตนดี้ภาพเราสองคนขนาดเท่าตัวจริงตั้งอยู่ เราตั้งใจอยากให้แขกที่มารู้ได้ทันทีว่าถึงงานเราแล้วนะ ซึ่งจุดนี้ก็เป็นสีสันเบา ๆ เพราะแขกส่วนใหญ่บอกว่า ออกมาจากลิฟต์ตกใจทุกคนเลยค่ะ (หัวเราะ) และอย่างที่บอกว่า ระหว่างทางเดินไปห้องบอลรูมเป็นผนังกระจก แขกจึงได้เห็นวิวเมืองด้านนอกและยังเห็นภาพถ่ายของเรา ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ประดับตรงผนังกระจกทุกบานด้วยค่ะ

       พอถึงโถงรับรอง ก็มีจุดลงทะเบียน โฟโต้บูธ และฉากแบ็คดร็อปถ่ายภาพที่ใช้ฉากไม้สีขาวล้วนกลมกลืนไปกับผนังบานพับสีขาวของโรงแรม จากนั้นก็เลือกวิธีจัดดอกไม้ให้เป็นแนวตั้งแล้วไล่ระดับจากต่ำไปสูงค่ะ ส่วนของโฟโต้บูธของเรามีความพิเศษตรงที่ตั้งใจทำให้เหมือนสมุดเฟรนด์ชิพสมัยก่อนที่เราจะเขียนให้กันเวลาเรียนจบน่ะค่ะ เมื่อแขกถ่ายภาพเสร็จแล้ว ให้นำภาพมาติด หรือจะเขียนอวยพรเพิ่มในสมุดอวยพรก็ได้ค่ะ 

       ส่วนด้านในห้องบอลรูม พอใช้การตกแต่งแบบเดียวในทุกพิธีการ เราจึงสร้างให้มีความแตกต่างนิดหน่อย ด้วยการปรับสีฉากโมชั่นกราฟิกในจอ LED เอาค่ะ อย่างงานหมั้นจะเน้นกราฟิกที่พื้นหลังมีสีสว่างหน่อย พองานฉลองก็จะสีเข้มขึ้น ส่วนงาน After Party ก็จะเป็นสีฉูดฉาด อย่างสีชมพูนีออน นอกจากนี้ เรายังมีตกแต่งเพิ่มเติมด้วยดอกไม้ในส่วนของจุดตั้งเค้กและโต๊ะวางแชมเปญทาวเวอร์ค่ะ

       รูปแบบการจัดเลี้ยงจะเป็นค็อกเทลบุฟเฟต์ ที่มีโต๊ะกลมไว้รับรองญาติผู้ใหญ่ประมาณ 6 โต๊ะ ซึ่งภายในห้องบอลรูม มีการแบ่งโซนชัดเจน คือ ฝั่งขวาของห้องจัดงานมีส่วน Dining Room ย่อยๆ ไว้สำหรับวางอาหารโดยเฉพาะ 

       เราเลือกอาหารมาหลากหลายเมนูมากเลย เช่น หมูสะเต๊ะ ซูชิ ทั้งยังมีซุ้มอาหารของโรงแรมที่เพิ่มเข้ามาอย่าง ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น ข้าวหมูตุ๋น ซึ่งเราจะเน้นอาหารไทยมากหน่อยเพราะอยากให้ถูกปากแขกผู้ใหญ่ค่ะ ซึ่งที่ได้ยินมามีแขกชมเยอะเลยว่าอาหารอร่อย โดยเฉพาะข้าวหมูตุ๋นค่ะ 

บ่าว-สาวจัดงานหมั้นบ่าย ครอบครัวเข้าใจ แขกเองก็ไม่เหนื่อย

       เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของเราสองคนไม่ชอบตื่นเช้าค่ะ (หัวเราะ) ประกอบกับเคยไปงานแต่งที่จัดงานหมั้นตอนเช้ามากๆ ส่วนตัวรู้สึกเหนื่อย เลยคิดว่า ถ้าเป็นงานเรา อยากให้แขกสบายๆ เดินทางมาแบบไม่ต้องเร่งรีบ อีกทั้ง เราเองมีญาติเดินทางมาจากต่างจังหวัดด้วย ก็คิดว่า ถ้าจัดงานหมั้นตอนบ่ายก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งการจัดงานหมั้นเวลานี้ ทางญาติผู้ใหญ่ทราบดี และไม่ติดอะไรเลย ก็ถือว่าเน้นฤกษ์สะดวกมากกว่าค่ะ

เลือกของชำร่วยแบบมีคุณค่าให้นึกถึง

       สำหรับของชำร่วย เหมือนเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่เมย์ก็คิดเยอะเหมือนกัน อย่างตอนแรก จะเอาของชำร่วยเป็นล็อตเตอรี เพราะอยากได้อารมณ์สนุก ๆ ขำ ๆ และเป็นสีสันในงานหน่อย แต่มาคิดอีกทีว่าหากแขกนำไปตรวจแล้วไม่ถูกรางวัลก็คงต้องทิ้งไม่เหลืออะไรให้จดจำว่ามางานเรา สุดท้ายก็เลยเปลี่ยนใจ คิดใหม่จนได้ธนบัตร 10 บาท ในยุครัชกาลที่ 9 แทน เพราะอยากให้แขกจดจำงานเราได้ จึงเลือกให้ของที่มีคุณค่า โดยเขาสามารถเก็บไว้เป็นที่ระลึกหรือเป็นของสะสมได้ด้วย

จัดงานทุกพิธีในห้องเดียว ตั้งแต่งานหมั้นยันอาฟเตอร์ปาร์ตี้

       สำหรับพิธีการงานหมั้น เราเริ่มเวลา 14:00 น. ที่เจ้าบ่าวจะตั้งขบวนแห่ขันหมาก สู่ขอ จากนั้นเจ้าบ่าวออกมารับตัวเราเพื่อพาไปทำพิธีด้านในห้องด้วยกัน คือมอบสินสอด สวมแหวน และรับไหว้ ส่งตัวบ่าว-สาวก็เป็นอันจบพิธีค่ะ

       ระหว่างที่จะเข้าช่วงงานฉลอง จะให้แขกพักกันประมาณหนึ่งชั่วโมงเพื่อรับประทานอาหารรองท้องกันก่อน กับเมนูข้าวหมูแดง หมูกรอบ เกี๊ยวน้ำและคอฟฟี่เบรคค่ะ

       สำหรับส่วนของงานเลี้ยงเริ่มจากการถ่ายภาพกับฉากแบ็คดร็อป หรือแขกจะสนุกไปกับการถ่ายภาพเล่นที่โฟโต้บูธก่อนก็ได้ และเมื่อจบกิจกรรมด้านนอก ก็ได้เวลาที่เราเปิดตัวผ่านเพื่อนโปรยดอกไม้ ประธานกล่าวอวยพร ตัดเค้ก มีเพื่อนพูดความในใจนิดหน่อย บ่าวสาวขอบคุณแขก จากนั้นดึงริบบิ้นดอกไม้ก็เป็นอันจบค่ะ พิธีช่วงนี้จะค่อนข้างกระชับ เพราะอยากให้ถึงงาน After Party เร็ว ๆ ค่ะ (หัวเราะ) เนื่องจากเพื่อนเราเยอะ ก็อยากมีเวลาปาร์ตี้กับเพื่อนนานๆ ด้วย

       สำหรับงาน After Party ก็ไม่มีอะไรมากเลย เราแค่ไปเปลี่ยนชุดให้เหมาะกับงาน และกลับเข้ามารินแชมเปญทาวเวอร์บนเวทีอีกครั้ง ที่เหลือก็สนุกไปกับดีเจที่มาเปิดแผ่นค่ะ

ครบทุกอารมณ์ ซึ้ง สุข สนุก และดีใจที่ได้งานมีความเป็นตัวเอง

       สำหรับงานนี้ เมย์ว่ามันมีครบทุกอารมณ์เลยนะ ตั้งแต่ก่อนเตรียมงานแล้ว ที่พอเมย์ได้ลงมือทำอะไรเอง โดยไม่จ้างเวดดิ้ง แพลนเนอร์ มันได้ความภาคภูมิใจ พอวันจริงทุกอย่างออกมาดีก็ยิ่งปลื้ม

       ส่วนงานหมั้น ก็มีช่วงเวลาซึ้ง ๆ ตอนญาติผู้ใหญ่อวยพร พร้อมได้กอดคุณพ่อคุณแม่ จนเราเองก็ร้องไห้เลย อีกทั้ง ยังได้เห็นเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ มางาน ด้วยรอยยิ้ม และความสนุก มันก็ทำให้เราสุขสุด ๆ แล้วค่ะ

       ต่อมา เมย์ประทับใจสถานที่มาก เพราะมีแต่คนชมตลอดเลย อย่างเช่น ห้องบอลรูมดีงาม อาหารอร่อย ก็ถือว่าการจัดงานครั้งนี้ ทำให้เมย์ได้เพิ่มอีกหนึ่งความทรงจำดี ๆ ที่จะจดจำไว้ค่ะ

แนะนำบ่าวสาว

ควรมีแม่งานในการจัดงานแต่ง : การลงแรงทำด้วยตัวเอง มันได้ความสนุก แต่ขณะเดียวกันมันจะเหนื่อยมากเพราะเราจะรู้ข้อมูลและดีเทลในงานอยู่คนเดียว ฉะนั้น หากใครอยากคุมงบแบบไม่ใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์ ควรหาแม่งานที่เหมือนมีเราอีกคนเพื่อให้เขารู้ข้อมูลทุกอย่าง ตั้งแต่ช่วงการเตรียมงานตลอดจนถึงวันแต่งงาน เพราะถึงวันจริง บ่าว-สาวจะยุ่ง จนไม่สามารถมาคุมอะไรด้วยตัวเองได้มากนัก

การตกแต่งสถานที่ต้องไปดูหน้างานด้วยตัวเองสักครั้ง : ช่วงเวลาเซ็ตอัพการตกแต่ง อยากให้บ่าว-สาว ได้ลองลงไปดูงานด้วยตัวเองสักครั้ง เพื่อป้องกันความผิดพลาด ในกรณีที่บางทีมอาจไม่อัพเดท หรือ ไม่บอกเราในการปรับเปลี่ยนบางจุดจนไม่เป็นไปตามที่ตกลงกัน จึงอยากให้ลองไปตรวจดูก่อน เพื่อช่วยลดการเกิดปัญหาหน้างาน และหากมีอะไรไม่ถูกใจจะได้แก้ไขได้อย่างทันท่วงที

Photo : Bers production