Benedict Studio ใส่สไตล์ที่ชอบ ลงไปในสถานที่แต่งงานที่ใช่
ฟางเลือกสถานที่แต่งงานที่ Benedict Studio (เบเนดิกต์ สตูดิโอ) เพราะเจ้าบ่าวเองก็อยากได้เป็นงาน Outdoor อยู่แล้วด้วยค่ะ บวกกับที่ฟางติดตามสถานที่นี้มานาน แล้วก็ชอบปราสาทเก่าๆ ชอบลุคของเขาที่ดูเป็นสไตล์เฉพาะตัว ก็เลยตัดสินใจเลือกที่นี่ โดยที่ไม่มองที่อื่นเลย รักเดียวใจเดียวจริงๆ (หัวเราะ)
ธีมสีในงานของเราเป็นเหลืองพาสเทลกับสีเขียวค่ะ ฟางรู้สึกว่ามันเป็นสีธรรมชาติที่อยู่และดูไปได้ตลอด พอใส่เข้าไปในงาน มันก็ดูเป็นส่วนหนึ่งของ Benedict จริงๆ โดยธรรมชาติ ไม่ได้ประดิษฐ์หรือโดดออกมามาก แบ็คดรอปเราก็เลือกใช้มุมที่มีของตกแต่งของเขาด้วยอยู่แล้วส่วนนึง ประกอบกับเพิ่มใบไม้สีเขียวล้อมเข้าไป และติดโลโก้สีทองสไตล์คลาสิก ก็ดูดีเหมือนยืนถ่ายภาพกับธรรมชาติได้ โดยที่ไม่ต้องทำออกมาเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมๆ เท่านั้น อีกอย่างหนึ่งคือถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นกิมมิคเล็กๆ แฝงอยู่ตรงโลโก้ด้วย นั่นคือตัวอักษร T กับ F ซึ่งเป็นชื่อของบ่าวสาว ที่จะรวมอยู่ในตัวอักษรตัวเดียวกันค่ะ
ในส่วนของการ์ดแต่งงาน ฟางเลือกใช้เป็นรูปเจ้าบ่าวเจ้าสาวค่ะ สีการ์ดก็ตามธีมงานเลย แล้วด้วยความที่เจ้าบ่าวเป็นนักบิน เราก็เลยใส่ภาพเครื่องบินแบบยุคเก่า ใส่แผนที่โลกสีน้ำตาลเพิ่มเข้าไป เพื่อให้องค์ประกอบในภาพมันช่วยเล่าเรื่องอีกที
จัดงานได้ตามใจ งานนี้บ่าวสาวลุยเอง
การเตรียมงานไม่ว่าจะ ไฟ ดนตรี สถานที่ ช่างภาพ ทุกอย่างฟางจะเลือกเองหมดค่ะ ไม่ได้ให้ออแกไนซ์ดีลให้ เราจ้างเขามาแค่รันคิว ตกแต่งงาน และดูแลฟางวันงานเท่านั้น ฟางจะเป็นคนใส่ดีเทลสิ่งที่อยากได้ให้กับแต่ละทีม เพื่อให้ทุกอย่างออกมาตรงใจเรา อย่างวงดนตรีฟางก็เน้นไปเลยว่าอยากได้วงออเคสตร้าที่มีไวโอลินกับแซคโซโฟน นักร้องก็ขอเสียงใสๆ ร้องเพลงฝรั่งเพราะๆ ก็ได้ออกมาตามนั้นเลย แฮปปี้มากๆ
ส่วนพิธีการส่วนนึงในงานก็จะมีการลอดซุ้มกระบี่ด้วย เพราะเจ้าบ่าวจบโรงเรียนนายร้อยที่เป็นทหารอากาศ แต่ ทอ. เขาจะให้สอบสองอย่าง คือเป็นนักบินกองทัพกับนักบินการบินไทย ซึ่งเจ้าบ่าวสอบได้ทั้งคู่เลย ก็เลยเลือกไปอยู่การบินไทยค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังถือว่าเป็นครอบครัวทหารอากาศอยู่ ดังนั้นในงานเราเลยมีลอดซุ้มด้วยค่ะ ครอบครัวบ่าวสาวเราชิลล์ๆ ด้วยกันทั้งคู่ เลยไม่ได้มีพิธีการอื่นๆ ที่ซีเรียสอะไรมาก แค่อยากให้เป็นวันงานที่เราสองคนมีความสุขที่สุด สินสอดทุกอย่างในการจัดงานบ่าวสาวก็จัดเตรียมหามาเอง คุณพ่อคุณแม่เลยปล่อยฟรี ให้จัดได้ตามใจชอบเลย ในงานเราก็ให้คุณพ่อเจ้าสาวมาเป็นประธานด้วย งานเลยออกมาง่ายๆ สบายๆ อบอุ่นเป็นกันเอง
ม็อคอัพทานได้!
อีกเรื่องนึงที่ฟางให้ความสำคัญมากๆ ก็คือเรื่องของเค้ก เจ้าบ่าวอยากได้เค้กทานได้ เราเลยใช้ของ Sugaries Station ให้เขาทำไล่เฉดสีจากเหลืองไปขาว บวกกับที่ร้านนี้เขาดังเรื่องน้ำตาลปั้นมากๆ อยู่แล้วด้วย และตามประเพณีของฝรั่ง เขาเชื่อกันว่าการตัดเค้กเป็นเหมือนการปีนขึ้นไปบนของหวาน พอปีนขึ้นไปสูงสุดก็เหมือนจะอยู่บนจุดสูงสุดของความรักด้วย ฟางเลยจริงจังขึ้นมาอีกสเต็ป (หัวเราะ) ด้วยการเอาแบบไปให้เขาดู ให้เขาปั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นม็อกอัพเสมือนจริงสำหรับท็อปส่วนบน จุดเด่นคือน้ำตาลปั้นสองตัวนั้นมันจะเหมือนเราสองคนในงานจริงๆ เลยค่ะ ฟางเอาแบบผมแบบชุดทุกอย่างไปให้เขาดูล่วงหน้า หางกระโปรงของชุดฟางจะยาวมาก ก็บอกให้เขาทำยาวตกลงไปที่เค้กอีกชั้นนึง เป็นเหมือนตัวจำลองของเราจริงๆ เรียกว่าถ่ายภาพออกมาเหมือนเห็นเป็นภาพย่อส่วนเลย
งานนี้ฟางตั้งใจ และใส่ใจในทุกรายละเอียดมากๆ งานออกมาสมบูรณ์แบบ และเราก็มีความสุขในวันงานอย่างที่คาดหวังไว้ ฟางเชื่อว่าถ้าบ่าวสาวมีแนวทางที่ชัดเจน รู้ว่าตัวเองชอบแบบไหน ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมากๆ เลย ได้งานออกมาถูกใจแน่นอนค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
เจ้าสาวอย่ารีบลงภาพก่อนวันแต่ง : ช่วงแรกที่ฟางได้โลโก้มาจากทางร้าน ฟางตื่นเต้นมากเลยค่ะ ชอบแล้วก็ประทับใจสุดๆ ก็เลยถ่ายภาพแล้วแชร์ลงใน social network พี่ฟ้าจากทีม Fahever พอเห็นเข้า ก็รีบโทรมาบอก บอกว่าทำแบบนี้ไม่ได้นะ ต้องระวังให้มากๆ เพราะของแบบนี้คนเขาก๊อปกันได้ง่ายๆ เลยค่ะ ดีไม่ดียังไม่ถึงวันงานตัวเอง เจอโลโก้ตัวเองอยู่ในงานคนอื่นแล้ว ฟางตกใจมาก รีบลบเลย เป็นคำแนะนำที่ดีและมีประโยชน์จริงๆ (หัวเราะ)
ดูงานคนอื่นได้ แต่เลือกมาเฉพาะในสิ่งที่ชอบ : ถ้าทำตามคนอื่นๆ ไปหมด มันจะเยอะไปเรื่อย แล้วไม่จบสักทีค่ะ แล้วยิ่งพอมันไม่ใช่ตัวเราจริงๆ เวลาจะไปต่อยอดส่วนอื่นๆ มันจะไม่ชัดเจน หลุดออกตามธีมไปหมด ยังไงลองฟันให้ได้ก่อนว่าความชอบตัวเองจริงๆ เป็นแบบไหน การเตรียมงานจะได้ไหลลื่นไม่มีปัญหาค่ะ
Credits & ร้านค้าแนะนำในบทความนี้
ชุดแต่งงาน:
Bangkok Wedding Studioช่างภาพ วิดีโอ:
Fahever Photography