จัดงานแต่งงานแบบคนรุ่นใหม่ @Hotel Once
ความตั้งใจแรกของอัง คือเราไม่อยากจัดงานในโรงแรมค่ะ อยากได้อารมณ์ที่แตกต่าง ครั้งแรกที่เจอ Hotel Once (โฮเต็ล วันซ์) ในบทความ SabuyWedding เราเห็นว่ายังไม่ค่อยมีคนจัดที่นี่มาก สถานที่แต่งงานที่นี่ก็สวย พื้นที่ใช้สอยดี วิวดี มีบันไดซิกเนเจอร์
นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เป็นห้องแอร์สำหรับผู้ใหญ่ แขกวัยรุ่นก็เอนจอยกับส่วนเอ้าท์ดอร์ที่เป็น Rooftop ได้ แถมทางโรงแรมก็ไม่จุกจิกมาก ค่านำเข้าหลายอย่างก็อะลุ้มอล่วย ถือว่าเป็นช้อยส์ที่ดีมากสำหรับการจัดงานค่ะ
หวานกำลังดี ด้วยไฟแฟรี่และสีพาสเทลตุ่นๆ
อังมีเวลาเตรียมตัวทั้งหมดประมาณ 1 ปี โดยเราเริ่มจากเรื่องหลักๆ ก่อน พวกสถานที่ ชุด แล้วถึงจะลงดีเทลอื่นๆ อย่างเดรสโค้ดของแขก เราเลือกเป็นสีเทาที่บ่าวสาวชอบ ได้ลุคที่เรียบหรูดูดี ไม่หวาน แล้วก็ไม่เข้มเกินไปค่ะ
การตกแต่งเราเน้นให้เป็นมินิมอล ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย แกลอรี่ก็เซ็ตเป็นแนวไป บวกกับตัวสถานที่ที่มีโครงเหล็กสีดำอยู่แล้ว เราเลยขอเติมความหวานของดอกไม้เข้าไปหน่อย
ตัวอังเองชอบดอกไม้สีพาสเทลตุ่นๆ ไม่จัดจ้าน แล้วทางออแกไนซ์ก็ผสมไฟแฟรี่ให้ดูฟรุ้งฟริ้งหวานๆ ส่วนที่เหลือก็แซมสีเขียวให้อีกหน่อย ตามความชอบต้นไม้เขียวๆ ของคุณเจ้าบ่าว กลายเป็นการผสมผสานแบบที่อังเรียกว่าเป็นมินิมอลสายหวานค่ะ
Rooftop ก็ดี อินดอร์ก็โดน
โฟลว์ภายในงาน ส่วนจัดเลี้ยงของเราจะอยู่ที่ชั้น 8 และ 9 พอขึ้นลิฟต์มาเปิดปุ๊บจะเจอบันไดก่อน ซึ่งเราเนรมิตตรงนี้ให้กลายเป็นแบ็คดรอป โดยแต่งดอกไม้ตรงราวด้านนอก ส่วนตรงกลางซึ่งปกติจะเป็นประตูเปิดเข้าไปยังชั้น 8 เราก็ทำเป็นม่านขาวแล้วโรยไฟแฟรี่ลงมา มีป้ายชื่ออะคริลิกใสประดับอยู่
ด้านขวามือจะเป็นแกลอรี่ ส่วนรีเซปชั่นอยู่ด้านซ้าย ตรงนี้จะมีเพื่อนเจ้าสาวคอยประจำจุดรับซอง ให้แขกเซ็นอวยพร และรับของชำร่วย ซึ่งอังเลือกเป็นกระเป๋าหนังใส่เหรียญแบบแกะติดได้ทุกมุม ดูมีความหมายในเชิงเก็บเงินเก็บทองดีค่ะ (หัวเราะ)
ครีเอทเมนูได้ตามใจชอบ
ถัดจากนั้น แนวด้านข้างกำแพงจะเป็นไลน์อาหาร ส่วนด้านในอินดอร์ชั้น 8 จะมีโต๊ะสี่แถว แยกกันด้านละสอง ตรงกลางเป็นทางเดินไปเวที เซ็ตเป็น Long Table สำหรับผู้ใหญ่ มีบริกรเดินบริการเพื่อความสะดวก ส่วนแขกวัยรุ่นเดินเลือกได้ตามสบายด้านนอก มีทั้งค็อกเทลที่เน้น Snack และอาหารแบบอิ่มท้อง
ด้วยความที่งานของอังจัดวันธรรมดา เราคิดว่าเพื่อนน่าจะมาจากที่ทำงาน จึงเตรียมไว้หลายอย่าง ทั้งเกี๊ยวกุ้งเกี๊ยวปู น้ำซุปนำไปทำต้มยำได้ บะหมี่เป็ดย่าง และอีกมากมายหลายอย่าง โดยวัตถุดิบเหล่านี้สามารถใช้ร่วมกัน ครีเอทเป็นเมนูตามที่แต่ละคนอยากทานได้ ทุกคนสามารถเลือกได้เอง มีทั้งข้าวทั้งก๋วยเตี๋ยวเลยค่ะ
ชุดเจ้าสาวฝีมือคุณแม่!
สำหรับชุดเจ้าบ่าว เขาเลือกร้าน ส่วนอังช่วยดูแบบให้ จากปกติที่คนนิยมใส่สูทคอลึกกระดุมแถวเดียว งานนี้เราก็เพิ่มเป็นกระดุมสองชั้นขึ้นมาจะได้ดูเก๋ค่ะ ส่วนชุดเจ้าสาวคุณแม่ของอังเป็นคนตัดให้ ท่านไม่ได้เป็นช่าง แต่ก็ตัดชุดให้อังมาตั้งแต่เด็กๆ เลยค่ะ พอถึงวันงานทีแรกท่านก็ไม่กล้าเอ่ยปาก ปล่อยให้อังเลือกไปก่อน แต่ปรากฏไม่มีชุดไหนถูกใจอังสักที (หัวเราะ) สุดท้ายคุณแม่เลยอาสาเองเลย เซฟค่าใช้จ่ายได้ แถมมีความหมายที่ดีกับเราด้วย เราไปเลือกผ้า วัดตัวด้วยกัน ได้ออกมาเป็นชุดเข้ารูปหางปลาสองชิ้น แยกท่อนบนล่าง เหมือนเสื้อคร็อปกับกระโปรงยาวในสไตล์ชุดแต่งงานค่ะ
เซอร์ไพรส์จากเจ้าบ่าว
พิธีการของเรา เปิดตัวด้วยพรีเซนเทชั่นจากงานเช้า แล้วคุณแม่ก็จะพาอังไปส่งให้คุณเจ้าบ่าวตรงกลางห้อง แล้วเจ้าบ่าวก็ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการให้น้องๆ มาเปิดป้ายคำ ประมาณว่า ‘เขาจะดูแลเราอย่างดี’ แล้วป้ายสุดท้ายจะเป็น ‘รักนะเจ้าสาวของต้อง’ โมเม้นท์ตอนนั้นจะซึ้งนิดนึง แต่ขำซะมากค่ะ เพราะเราดูรู้เลยว่าเจ้าบ่าวเขิน (หัวเราะ) ปกติเขาไม่ใช่สายนี้ จะขี้อายมากกว่า แต่ ณ ตอนนี้จนถึงตอนนี้ ก็รู้สึกขอบคุณเขามากจริงๆ ค่ะ
หลังจากนั้นเจ้าบ่าวก็จะพาอังไปที่เวที แล้วเปิดพรีเซนเทชั่นที่น้องชายทำให้เป็นของขวัญ เป็นบ่าวสาวพูดถึงกัน ใช้แทนการสัมภาษณ์บนเวทีไปเลยค่ะ แล้วก็มีพรีเซนเทชั่นเรื่องชุดเจ้าสาวที่คุณแม่ตัดให้ และเชิญคุณแม่ขึ้นมาพูด
เสร็จแล้วเราก็ขอบคุณแขก ตัดเค้ก ซึ่งเราเลือกแบบทานได้หมด ไม่ใช่เค้กปลอมค่ะ ตรงจุดนี้เราเลือกร้านที่จะมาทำเค้กให้ โดยเขาจะมาประกอบให้ที่งาน ตกแต่งโต๊ะรอบๆ เพราะฉะนั้นเค้กของเราจะไม่ตั้งโดดออกมาเป็นโต๊ะเค้กปกติ แต่ตั้งรวมกับของหวานอื่นๆ ส่วนเค้กที่จะให้ผู้ใหญ่ก็เซ็ตไว้ต่างหาก เป็นรส Red Velvet Cream Cheese เหมือนกับเค้กแต่งงานเลยค่ะ
ชิค ชิม ชิลล์ ฟีลดื่มด่ำ
ถัดจากนั้นเราก็มีดึงริบบิ้น ซึ่งพิเศษตรงที่คนที่ได้จะได้ทั้งดอกไม้ และเงินที่เราใส่ลงไปในนั้นเลยค่ะ นอกจากจะสนุกกันแล้วก็ยังดึงดูดใจมากขึ้นด้วย
พอแขกเริ่มทยอยกลับ เพื่อนๆ ก็ขึ้นไปรูฟท็อป จะมีแท่งใสๆ สำหรับคนที่อยู่ปาร์ตี้ต่อ เรามีดนตรีสดไว้ชิลล์เอ้าท์หลังเสร็จพิธี แต่เนื่องจากเราไม่ใช่สายตื๊ด เลยเน้นเป็นนั่งดื่ม อากาศสบายๆ มีเพลงฟังมากกว่าค่ะ
สำหรับอัง สิ่งแรกที่ได้รับจากการจัดงาน ก็คือความสุขจากการได้เห็นงานของเราเสร็จสมบูรณ์ค่ะ จากสถานที่เปล่าๆ ที่มีแต่โครงเหล็ก กลายเป็นสวนสวยๆ ที่มีไฟส่องสว่าง
แขกฟีดแบคว่าเปิดลิฟท์ออกมาก็เหมือนอยู่อีกโลกนึงเลย บรรยากาศก็ดี ทุกคนยิ้มแย้มกัน ในงานวันนั้นทุกคนชมงานกันหมด นอกจากเราจะมีความสุขแล้ว แขกเองก็มีความสุขไปด้วย ตรงกับความตั้งใจของเราที่อยากจัดงานเล็กๆ เพื่อให้เรารู้จักทุกคน และสิ่งเหล่านั้นก็ส่งไปถึงแขกของเราจริงๆ
แนะนำบ่าวสาว
เผื่อระยะเวลาให้เหมาะสม : อย่ากระชั้นชิดมาก เพราะดีเทลหลายๆ อย่างจะตกหล่น ยิ่งไม่มีออแกไนซ์ช่วย เราจะยิ่งเหนื่อย หรือถ้าเรามีภาระแบบคนทำงานจริงๆ ออแกไนซ์ก็เป็นตัวช่วยที่ดีเลยค่ะ
เลือกสิ่งที่ตรงใจที่สุด . พอถึงวันงานทุกอย่างก็จะออกมาในแบบที่เราชอบจริงๆ ผสมผสานกันออกมาเป็นความลงตัว