รีวิวงานแต่งธีมเรโทรสุดมันส์ จัดซีนเต้นกันให้สนุกเพลิน @กรมยุทธบริการทหาร

จัดงานธีมที่ใช่ สไตล์ร็อกแต่หวาน @กรมยุทธบริการทหาร
           ในส่วนของการจัดงานทั้งหมด มุ้ยเริ่มต้นจากการหาสถานที่แต่งงาน ซึ่งเลือกเป็นที่ กรมยุทธบริการทหาร ค่ะ หลังจากนั้นก็สโคปงาน ให้ได้ธีมตรงกับความต้องการของตัวเองก่อน แต่ด้วยความที่มุ้ยเองก็เป็นคนหลากหลายสไตล์มากๆ หวานก็ชอบ ร็อกก็ใช่ สุดท้ายเลยได้ออกมาเป็นเรโทรที่ไม่ได้ดิบมาก มีความสดใสอยู่ในนั้น
            สีหลักๆ ที่เราใช้ในงานแต่งคือสีเหลือง แดง ฟ้า ดำ ขาว ตรงแบ็คดรอปเราอยากให้ปังที่สุด เลยเลือกใช้พื้นเป็นลายตารางขาวดำ แล้วที่สำคัญคือไม่ใช่พื้นเรียบธรรมดา แต่เป็นสเตจเสริมขึ้นมาอีกชั้นนึง ตรงผนังก็ทำเป็นสีฟ้าพาสเทล แล้วเพื่อให้มีเสน่ห์เรโทรก็ต้องมีไฟปิงปองตกแต่งเพิ่มเข้าไป ทั้งหมดนี้มุ้ยทำเป็นโมเดลแล้วส่งให้ร้านเองเลย

            ดีเทลทุกอย่างมุ้ยเป็นคนจัดการเองหมด อย่างการ์ดนี่มุ้ยก็เริ่มจากการทำในพาวเวอร์พ้อยท์ก่อนค่ะ (หัวเราะ) แล้วค่อยส่งไปให้น้องชายทำใน AI อีกที
            พวกโต๊ะลงทะเบียนเราก็ทำเองเหมือนกัน เป็นการนำผ้าลายขาวแดงมาพาด แล้วประดับด้วยธงราว ส่วนพวกธงราวอื่นๆ สำหรับแต่งหน้างาน มุ้ยก็ทำกันเองกับคุณเจ้าบ่าว นั่งเย็บกันเอง  เป็นงานแฮนด์เมดมากๆ ตรงแถบแกลอรี่เราก็ซื้อผ้าแคนวาสมาขึง แล้วอัดรูปพรีเวดดิ้งไปติด แต่งด้วยแผ่นเสียงเก่าอีกเล็กน้อยเป็นอันโอเคค่ะ

งานที่แขกวัยรุ่นชอบ ส่วนแขกเด็กก็ปลื้ม
            นอกจากส่วนตกแต่งแล้ว เรายังมีมุมที่จัดไว้ให้สำหรับเด็กๆ ด้วย เป็นแบ็คดรอปขึงผ้า แต่จะมีวางอิฐบล็อกกั้นไว้ตรงขอบ เสร็จแล้วก็เทลูกบอลพลาสติกลงไป ด้านข้างมีพร็อพให้เล่นกัน มีทั้งหมวกไอรอนแมน หมวกกัปตันอเมริกา ดาบเลเซอร์ก็มี  เหมือนเราคิดเผื่อทั้งเด็ก และคนที่พาเด็กมางานจริงๆ ทุกคนที่มางานนี้จะได้เอนจอยได้โดยไม่จำกัดวัย

            ของชำร่วยเป็นอย่างเดียวในงานนี้ที่มุ้ยไม่ได้ทำเองค่ะ (หัวเราะ) เลือกเป็นสบู่รูปสโนวเฟลค แม็ตช์กับงานเราพอดี ใส่ซองใสๆ แล้วผูกโบว์

            สำหรับชุดเพื่อนเจ้าสาว เราก็หาแบบไปให้ โดยเก็บโทนสีเหลืองไว้ใช้กับเพื่อนเจ้าสาวโดยเฉพาะ เหตุผลที่มุ้ยเลือกใช้โทนสีนี้กับชุดมากกว่าลงกับส่วนตกแต่ง ก็เพราะอยากให้เพื่อนเป็นเหมือนอีกไอเท็มนึงในงานค่ะ ลุคนี้โดยรวมแล้วจะออกเป็นแนววินเทจ คาดเข็มขัดสีแดงอีกหน่อยก็ได้เลย เหมือนหลุดออกมาจากวังจุฑาเทพยังไงยังงั้น (หัวเราะ) ส่วนชุดเจ้าสาวมุ้ยก็ออกแบบเองอีกเช่นกันค่ะ ทำเป็นทรงเมอร์เมดที่เหมาะกับรูปร่างเราค่ะ

พรีเซนเทชั่นสุดเก๋ เท่ตรงแบ่งเป็นสองส่วน
            ก่อนเข้างานเราจะเปิดพรีเซนเทชั่นตัวนึงให้แขกดูก่อน เป็นเวอร์ชั่นแนะนำตัวบ่าวสาว เช่น เจ้าสาวชื่อมุ้ย เธอเป็นคนบ้าเกาหลี ภาพก็จะเป็นทำนองเจ้าสาวไปเต้นโคเวอร์ Girls’ Generation ในลิฟท์  ส่วนเจ้าบ่าวเป็นคนชอบออกกำลังกาย ก็มาชวนเราวิ่ง ชวนเราดำน้ำ ไปสกูบ้า ไปยิงปืน ไปเดินป่า เหมือนบอกตัวตน บอกสไตล์กิจกรรมที่แต่ละคนชอบ แต่ยังไม่ได้บอกตรงนี้ว่าเจอกันได้ยังไงค่ะ

            ลำดับในงานทุกอย่าง มุ้ยอยากให้ออกมาดูสนุก ก็เลยเลือกจะทำเป็นฟีลคอนเสิร์ตค่ะ ตั้งโครงขึ้นเวที ติดตัวอักษรแต่งไฟกันไปเลย ตอนเปิดตัวก็เปิดเป็นเพลงหวานๆ ไป มีเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวมายืนสลับกันถือลูกโป่ง โปรยกระดาษ แต่พอเดินไปถึงกลางงาน เราก็จะเตี๊ยมให้มีคนเดินเอาไมค์มาให้เรา เราจะบอกไปทำนองว่าเพลงมันยังไม่ใช่นะ แล้วก็เปลี่ยนเพลง ‘Uptown Funk’ ใส่แว่นดำเต้นขึ้นเวทีเลย และนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง (หัวเราะ)

งานนี้ต้องเต้น เต้นกันให้สุด
            พอเราเดินขึ้นไปถึงบนเวที เราก็จะขอฝากเจ้าบ่าวไว้กับแขกสักครู่นึงค่ะ ระหว่างนั้นคุณเจ้าบ่าวก็จะเต้นเพลง ‘คุณและคุณ’ ของแกงส้ม จ้างแดนซ์เซอร์มาเต้นเป็นแบ็คอัพ ซ้อมกันเป็นเดือน จริงจังมาก (หัวเราะ) พอถึงพาร์ทของมุ้ย มุ้ยก็จะเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสั้น ออกมาร้องเพลง ‘Crazy in Love’ กันแบบสดๆ พอจบเพลงก็จะเป็นพาร์ทร่วม เป็นการเต้นลีลาศค่ะ เพราะว่าเจ้าบ่าวก็เป็นนักกีฬาลีลาศอยู่แล้วด้วย จบพาร์ทนี้ก็ปิดไฟดับ แล้วก็เปิดพรีเซนเทชั่น ระหว่างนั้นเราก็ไปเปลี่ยนชุดด้วย ซึ่งพรีเซนเทชั่นตัวนี้จะบอกเล่าเรื่องราวมากกว่าตัวหน้างานค่ะ แขกจะได้ชมกันเพลินๆ

            หลังจากจบพรีเซนเทชั่นก็จะเข้าหมวดพิธีการตามปกติค่ะ มีประธานขึ้นมาพูด มีเจ้าสาวโยนดอกไม้ มีเจ้าบ่าวโยนกล่องเหล้า
            งานนี้มุ้ยทำเองเกือบหมด เหนื่อยมากๆ แต่ก็รู้สึกเลยว่ามีความสุขมาก ยิ่งเวลาเราได้เห็นของที่เราทำมันออกมาเป็นงานจริงๆ หรือเวลาที่มีคนมาชมว่างานดี จ้างใครทำ เราก็ยิ่งแฮปปี้ใหญ่ เหมือนเราคิดมา ตั้งใจวางแผนทุกอย่างมาจริงๆ ขนาดผู้ใหญ่ยังชมว่าสนุกเลย คุณแม่เจ้าบ่าวอึ้งมาก บอกก็รู้นะว่าลูกเต้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะเต้นได้ขนาดนี้ เป็นอันว่าเซอร์ไพรส์มาก (หัวเราะ)

แนะนำบ่าวสาว
ต้องมีความชัดเจนในตัวเองก่อน : อย่างของมุ้ยที่จัดงานเอง เพราะรู้สึกว่าไม่มีใครสามารถทำให้ได้ในแบบที่เราต้องการค่ะ การจัดงานเองมันอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์เรื่องของความประหยัดซะทีเดียว เพราะของมุ้ยจัดๆ ไปงบก็บาน (หัวเราะ) แต่มันก็ได้อย่างที่ใจต้องการจริงๆ ดังนั้นต้องดูก่อนว่าถ้าจะทำเองหมดเพื่อประหยัด งานที่ได้ก็อาจจะเป็นอีกสเกลนึงค่ะ ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ถ้าเรามีแหล่งที่จะหาของได้ถูกจริง ที่สำคัญเลยคือต้องมีเวลา ของทุกอย่างไม่ใช่ไปว่าไปแค่ครั้งเดียวแล้วจะเจอครบ อย่างมุ้ยเองยังเองก็ยังต้องไปซ้ำๆ ที่ละหลายรอบเลยค่ะ