สถานที่แต่งงานมีดีไซน์ ได้อารมณ์วัยรุ่น @Le Meridien Bangkok
จอยกับพี่แอน (เจ้าบ่าว) เรามีคอนเซ็ปต์อย่างนึงในการเลือกสถานที่แต่งงาน คืออยากได้โรงแรมที่เวทีไม่สูงมากค่ะ เหตุผลหลักคือเราอยากให้บรรยากาศเป็นกันเองกับแขก เหมือนทุกคนได้มาร่วมแสดงความยินดีอย่างใกล้ชิด รุ่นพี่ที่รู้จักกันก็แนะนำโรงแรม Le Meridien Bangkok (เลอ เมอริเดียน กรุงเทพ) เพราะเขาเองเคยจัดที่นี่ พอได้ดูรูปก็เห็นตรงกันว่าสถานที่ดูดี เวทีเหมือนเป็นขั้นบันได 3-4 ขั้น ตอบโจทย์ แชนเดอเลียก็สวย แถมยังมีชั้นลอย ได้มุมภาพแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
โลเคชั่นของโรงแรมอยู่กลางเมือง โชคดีที่เราจัดงานวันอาทิตย์ รถเลยไม่ติดมาก ทีมเซลล์ที่นี่ (คุณแม็ก) น่ารัก ให้คำแนะนำอย่างดี ไม่ฮาร์ดเซลล์ เป็นความรู้สึกเหมือนมาร่วมด้วยช่วยกันให้งานสำเร็จไปด้วยดีมากกว่า มีข้อติดขัดตรงไหน เขาช่วยได้ก็จะช่วยเต็มที่
อย่างเราขอที่จอดรถ VIP เพิ่ม เขาก็ให้ได้ แพ็กเกจก็มีความยืดหยุ่นในการต่อรอง บางอย่างเราไม่ได้ใช้จริงๆ ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่เหมาะสม เขาก็โอเค อาหารก็เลือกปรับได้ ขอโต๊ะให้ผู้ใหญ่นั่ง ขอเก้าอี้ได้หมด ชอบตรงที่เขาบอกเราตรงๆ อะไรได้ไม่ได้ก็บอกกัน ทำให้การเตรียมงานไม่มีปัญหา ราบรื่นดีค่ะ
พิธีการสบายๆ ใต้แสงธรรมชาติ
งานหมั้นช่วงเช้า เราเลือกใช้ห้อง Grand Atelier ห้องเดียวกับช่วงฉลอง จัดพิธีแบบจีน มีขันหมาก ประตูเงินประตูทอง สวนแหวม ทานขนมอี๋ ยกน้ำชา รับไหว้ ต่างกันนิดเดียวตรงที่เราใช้เวทีใหญ่ ให้เหมาะกับช่วงพิธีการมากกว่า ด้านล่างก็มีโต๊ะสำหรับแขกผู้ใหญ่
ส่วนนึงที่ชอบมากคือช่วงเช้า ตัวห้องจะมีแสงธรรมชาติเข้ามาด้วย ถ่ายรูปออกมาสวย ดูพอดีไปหมด อาหารที่จัดเลี้ยงตอนเที่ยงเป็นบุฟเฟ่ต์ แขกทุกคนชมเยอะมาก บอกว่าอร่อย ทานกันเต็มที่ทั้งอาหารคาวและขนมหวานเลยค่ะ
ครบสูตรความสุข กับแพ็กเกจที่มีให้ครบทุกอย่าง
สำหรับงานเย็น ธีมสีของเราจะเป็น Navy กับชมพูพีช การตกแต่งออกแนวเรียบๆ สไตล์มินิมอล เวลาแขกเดินเข้ามาในงาน จะเจอกับ Welcome Board เป็นอย่างแรก แล้วจะเป็นวอล์คเวย์ของทางโรงแรมซึ่งสวยมาก พื้นเป็นกระจก มีแสงไฟขึ้นมา ด้านขวาเป็นระแนงไม้ ประดับด้วยโฟโต้แกลอรี่ค่ะ
ถัดจากจุดนี้มาอีกนิดจะเป็นโต๊ะลงทะเบียน เซ็นชื่อแล้วรับของชำร่วย จอยเลือกถุงผ้าสกรีนโลโก้งานสีน้ำเงิน ถ้าเลี้ยวขวาไปจะเจอห้องจัดเลี้ยง ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็น Backdrop ทีมตกแต่งดีไซน์ให้มีหลายชั้น จะได้ดูมีเลเยอร์ แต่งด้วยดอกไม้และระแนงสีทองค่ะ
Signature เก๋ไก๋ ตัดเค้กแบบไม่มีใครเหมือน
ส่วนด้านในห้อง เราเน้นให้เป็นดอกไม้เรียบๆ Backdrop ตรงเวทีจะใช้ชื่อเล่นของบ่าวสาว ต่างจากด้านนอกที่จะเป็นชื่อจริงค่ะ
ไฮไลท์อย่างนึงของที่นี่คือเขาจะไม่ได้ใช้เค้กธรรมดา แต่จะมี Signature เป็น Croquembouche ทรงโดมซึ่งเราเลือกสีได้ เขาจะเคลือบสีให้ตามธีมด้วย เวลาตัดเค้กเลยจะไม่ใช่การตัดธรรมดา แต่เป็นการหยิบขนมลงมาใส่จาน น่ารักไปอีกแบบนึง
อาหารช่วงฉลองนี้แขกก็ชมกันว่ารสชาติดี ทั้งส่วนที่เป็นค็อกเทลและบูธ เขาจัดเต็มมากๆ ขนาดแขกที่ไปชิมที่อื่นมาแล้วเยอะๆ ก็ยังบอกว่าที่นี่ให้ผ่าน ของเราแขก 350 คน เพิ่มซุ้มข้าวมันไก่กับสปาเก็ตตี้ รวมเป็น 6 ซุ้มค่ะ ทำกันร้อนๆ จานต่อจาน แขก VIP ที่อยู่ชั้นลอยจะมีโต๊ะให้นั่งสบายๆ มีบริกรเดินขึ้นไปเสิร์ฟ ไม่ต้องลงมาหยิบอาหารด้วยตัวเอง
อย่างนึงที่เราประทับใจมากคืองานเย็นจอยไม่มีออแกไนเซอร์ แต่เซลล์ที่นี่เขาก็ช่วยจัดการให้เราได้ แค่ส่งสคริปต์ไป เขารู้หมดเลยว่าต้องทำอะไร ช่วงพิธีการก็มาอยู่ดู คอยประสานงาน ทำให้เราไม่กังวลจริงๆ การตกแต่งในแพ็กเกจก็มีครบ และสวยงาม จากที่เคยคิดว่าถ้าโรงแรมแถมอะไรแบบนี้ เราจะได้ของที่มาตรฐานมากๆ ปรากฏว่าผิดคาด ทั้งแกลอรี่ Backdrop หรือส่วนที่เป็นเคาน์เตอร์บาร์ด้านนอก เขาก็จัดวางรูป จัดวางเทียนให้อย่างดีเลยค่ะ
อบอวลไปด้วยความรัก
เรื่องชุดเจ้าสาว จอยใส่ทรงบอลกราวน์ เลือกแบบมีลูกไม้นิดหน่อย ส่วนเจ้าบ่าวใส่ตามธีม คือชุดสีน้ำเงิน และโบว์ไทด์สีชมพูพีช
พิธีการเราคิดเอง โดยหาอ่านข้อมูลจากในเว็บไซต์ อย่างของ SabuyWedding จอยก็เคยอ่านเหมือนกันค่ะ เราเริ่มจากให้พิธีกรขึ้นกล่าวแนะนำบ่าวสาว เปิดพรีเซนเทชั่นที่เราทำกันเอง ออกแนวสัมภาษณ์ เล่าที่มาที่ไป รู้จักกันได้ยังไง เรียกว่าตั้งกล้อง เช่าไมโครโฟน ตัดต่อกันเองเลย
หลังจากเปิดตัวแล้วเราก็เชิญประธานทั้งสามท่านขึ้นมาบนเวที กล่าวอวยพร คล้องพวงมาลัย สัมภาษณ์บ่าวสาวสั้นๆ เสร็จแล้วก็ตัดเค้ก เชิญคุณพ่อคุณแม่ออกมาตรงเวที มอบ Croquembouche ให้ แล้วก็โยนดอกไม้ ดีที่คนที่รับได้เป็นน้องที่สนิทกันของจอย เขามีแพลนจะแต่งงานพอดี เลยคุยกันเล็กน้อย ให้เขาอวยพรเรา แล้วเราก็กล่าวขอบคุณแขกทุกคนค่ะ
การจัดงานในครั้งนี้ จอยกับพี่แอนเราประทับใจในตัวสถานที่มากๆ ดูชิค ดูเป็นตัวเรา ได้อารมณ์วัยรุ่น จากที่ตอนแรกกลัวคุณพ่อคุณแม่จะไม่เข้าใจ กลายเป็นว่าพอพาท่านไปดูสถานที่ก็ชอบกันมาก ทั้งห้อง ทั้งแชนเดอเลีย แพ็กเกจที่เราเลือกเป็นแบบสูงสุดก็มีครบครัน เรียกว่าบ่าวสาวแต่งหน้าแต่งตัวให้ทันก็พอ นอกนั้นมีหมดแล้วทุกอย่างเลย ห้อง Suite ที่เขาให้ก็สวยมาก เก็บภาพช่วงแต่งหน้าแต่งตัวได้อย่างดี ญาติๆ ก็สบาย ได้พักกันในห้องใหญ่เลย แขกทุกคนชมหมด บอกว่าทั้งแปลกใหม่ ได้อารมณ์กึ่งๆ บาร์ แตกต่างจากที่เขาเคยไปมาจริงๆ ค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
(เจ้าบ่าว) เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ : ได้ฤกษ์แล้วก็หาข้อมูล ทำการบ้านล่วงหน้า จะได้ไม่ฉุกละหุกครับ เวลาหาสถานที่แต่งงานหรือร้านค้าต่างๆ ก็ลองดูตามความเหมาะสมและบัดเจทของเราด้วย
(เจ้าสาว) ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ : และทำมันออกมาให้ดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลัง เรื่องโรงแรมกับช่างแต่งหน้า พอรู้ฤกษ์แล้วก็ควรรีบจอง เพราะเป็นคิวที่รับงานซ้อนไม่ได้ มีแค่หนึ่งคิว ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ อื่นๆ พวกชุดแต่งงาน หรือของชำร่วยค่อยๆ ตามมาทีหลังค่ะ
Credits & ร้านค้าแนะนำในบทความนี้
สถานที่แต่งงาน:
Le Meridien Bangkokช่างภาพ วิดีโอ:
Wheneverlove Photography