เทคนิคเลือกร้านค้าและสถานที่ในงบแบบครั้งเดียวจบ
หลังจากแพรมีแพลนจะแต่งงานก็ได้เริ่มศึกษาข้อมูล หาร้านค้า ดูไอเดียเกี่ยวกับงานแต่งเรื่อยๆ โดยแพรมีวิธีการเลือกร้านค้าและสถานที่ด้วยการดูรีวิวจากคนที่เคยใช้บริการจริงค่ะ เพราะจะมีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง ยิ่งถ้ามีคนรู้จักเคยใช้ก็ยิ่งดี อย่างของแพร มีพี่ที่ทำงานพึ่งแต่งงาน เขาก็จะศึกษามาแล้ว ร้านที่เขาบอกว่าดี ก็จะเชื่อถือได้มากขึ้นอีก ซึ่งแพรก็จะลิสต์เก็บรายชื่อไว้ แล้วเมื่อไปเจอราคาที่เหมาะสมกับงบของเราทั้งจากการไปเดินงาน Fair หรือเจอโปรโมชั่นดีๆ ก็ช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้นค่ะ
ช่วงที่หาร้านค้าและไอเดียการจัดงานได้มีคนแนะนำให้เข้าไปดูเว็บ SabuyWedding และบอกให้ไปเดินงาน SabuyWedding Festival ที่สยามพารากอน เพราะเป็นงานที่รวมร้านค้าและไอเดียเกี่ยวกับงานแต่งงานไว้ครบ แพรจึงตัดสินใจไปงาน โดยจะมีลิสต์สิ่งที่ต้องการคร่าวๆ ไปด้วย ซึ่งแพรก็ได้เกือบครบทุกอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะชุดแต่งงาน การ์ด หรือสถานที่แต่งงาน แพรได้ร่วมกิจกรรมจับฉลากในงานด้วยนะคะ แล้วก็ได้รางวัลห้องพักของโรงแรมมา ชอบมากเลยค่ะ(หัวเราะ)
หลังจากไปงานแล้ว เราเหลือช่างภาพที่ยังไม่ได้ จนได้มาเจอดีลพิเศษในเว็บ SabuyWedding ซึ่งในดีลนี้มีช่างภาพที่คนรู้จักเคยใช้มาก่อนจึงสนใจ เป็นทีมที่ภาพสวยและมีความ Professional แล้วที่ชอบคือเขามี QR Code ให้สแกนรูปออกมาหลังถ่ายได้เลย ดูราคาดีลก็โอเคมาก จึงตัดสินใจซื้อผ่าน SabuyWedding เลยค่ะ
ในส่วนวิธีการซื้อดีลช่างภาพกับ SabuyWedding ก็ไม่ยาก ทางเว็บจะให้ Contact ร้านมา เราก็ติดต่อร้านไป แล้วเวลาชำระเงินก็ตัดผ่านบัตรเครดิตได้เลย ง่ายและรวดเร็ว สะดวกมากค่ะ ดีลนี้ไม่ต้องจ่ายก้อนใหญ่ทีเดียวด้วยนะคะ สามารถจ่ายมัดจำแค่ 50% แล้วค่อยจ่ายส่วนที่เหลือหลังงานจบได้ค่ะ
สถานที่แต่งงานห้องกระจก เพดานสูง
แพรแต่งงานที่ S31 Sukhumvit Hotel (โรงแรม เอส31 สุขุมวิท) ค่ะ แพรเคยไปงานแต่งงานที่โรงแรมนี้มาก่อน แล้วรู้สึกประทับใจห้องจัดงานมาก เพดานห้องสูง แล้วยังมีผนังเป็นกระจกที่พอเปิดม่านแล้วจะมีความสวยงาม ประกอบกับมีคนแนะนำว่าที่นี่ดีก็ชอบเลย(หัวเราะ)
พอได้เจอโรงแรมมาออกบูธในงาน SabuyWedding Festival แล้วมีแพ็กเกจราคาที่ตรงกับงบพอดีจึงตัดสินใจเลือกโรงแรมนี้เลยค่ะ
งานแต่งงานสุดอบอุ่นกับกิจกรรมพิเศษให้แขกได้ร่วมสนุก
งานของเราเป็นแบบหมั้นเช้าเลี้ยงเที่ยงค่ะ สำหรับงานเช้า ในห้องจะมีผนังด้านหนึ่งเป็นกระจก เราก็ใช้ตรงนี้มาทำเป็นฉากเวทีด้วยการเปิดม่านให้ตรงกลางเห็นผ้าด้านในสีขาว โดยข้างๆ จะยังมีม่านสีเทาอยู่ การทำฉากแบบนี้แสงจะส่องเข้ามาด้วย สวยเลยค่ะ บนเวทีก็ได้จัดโซฟาทำพิธีไว้ ซึ่งด้านหลังจะมีโลโก้ชื่อ โต๊ะและแจกันดอกไม้ประดับอยู่ ส่วนหน้าเวทีก็จะเป็นเก้าอี้สำหรับแขกค่ะ
ในส่วนของพิธีการเช้าเราจะเริ่มจากพิธีสงฆ์ค่ะ จากนั้นก็จะแห่ขันหมาก เสร็จแล้วก็เป็นพิธีหมั้นสวมแหวน รับไหว้ และรดน้ำสังข์ คือทำพิธีการทุกอย่างครบแบบจัดเต็มเลยค่ะ(หัวเราะ)
ช่วงงานเลี้ยงเที่ยงเราย้ายมาจัดที่ห้องฝั่งตรงข้าม ซึ่งการตกแต่งงานช่วงนี้ได้ตั้งธีมสีไว้คือน้ำเงิน ชมพูและเทา บริเวณหน้าห้องจัดงานเราจัดรูปภาพเรียงยาวไว้ตลอดทาง โดยจะมีทีวี 3 ตัวที่ใช้เปิดสไลด์รูปภาพวางสลับเป็นฟันปลาอยู่ด้วย ส่วนนี้ก็จะมีการตกแต่งดอกไม้นิดหน่อยค่ะ
ส่วน Backdrop เราใช้ฉากเป็นสีเทา ประดับด้วยดอกไม้โทนชมพูอ่อน ขาว แซมด้วยใบไม้สีเขียว แล้วตรงกลางจะเป็นโลโก้ชื่อของเราค่ะ นอกจากนี้เรายังมี Studio Booth ให้แขกได้มีกิจกรรมทำสนุกๆ ด้วย ซึ่งแขกชอบกันมากเลยค่ะ
ในห้องจัดงาน การตกแต่งเวทีจะคล้าย Backdrop หน้างานเลยค่ะ ต่างกันแค่การจัดวางดอกไม้และโลโก้ชื่อที่เป็นแบบตัวอักษรไดคัทเท่านั้น ส่วนโต๊ะเค้ก บริเวณฐานจะประดับด้วยดอกไม้รอบๆ และเนื่องจากเราจัดเลี้ยงเป็นแบบนั่งโต๊ะ เก้าอี้ของแขกก็จะผูกโบว์สีเทาตามธีมไว้ด้วยค่ะ
พิธีการช่วงนี้ก็รันตามปกติเหมือนงานทั่วไปเลยค่ะ เริ่มจากเปิดตัวบ่าวสาว ประธานกล่าวอวยพร จากนั้นก็เป็นช่วงสัมภาษณ์บ่าวสาว ซึ่งช่วงนี้จะใช้เวลามากหน่อย เนื่องจากเราไม่มี Presentation ทุกคนจะได้รู้จักเรามากขึ้นจากการพูดคุย แล้วการทำแบบนี้ก็ยังช่วยให้แขกรู้สึกเป็นกันเองด้วย เสร็จแล้วเราก็เดินไปตัดเค้กและนำเค้กไปมอบให้ผู้ใหญ่ต่อค่ะ
งานเราพิเศษขึ้นมานิดนึงตรงที่ได้นำเกม Kahoot มาให้แขกได้ร่วมสนุกด้วย ซึ่งผลตอบรับดีนะคะ แขกได้มีส่วนร่วมกับงาน ช่วยให้งานมีบรรยากาศอบอุ่น ซึ่งหลังจากเล่นเกมแล้ว แพรก็จะโยนดอกไม้ปิดท้ายงานค่ะ
วันแต่งงานและช่วงเวลาเตรียมงานเวลาจะผ่านไปเร็วมาก เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หลังงานจบมีแต่คนชม แขกรู้สึกว่างานเรามีความอบอุ่น เป็นกันเอง และได้มีส่วนร่วม แพรดีใจและรู้สึกประทับใจมากๆ เลยค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
ควรไปงาน Wedding Fair : เพราะจะช่วยให้การเตรียมงานง่ายขึ้นมาก เนื่องจากในงานจะมีทุกอย่างเกี่ยวกับ Wedding ไม่ว่าจะร้านค้า สถานที่ หรือไอเดียต่างๆ ให้ได้ดูและเลือกซื้อค่ะ
ควรมีออแกไนเซอร์ : วันงานแต่งงานบ่าวสาวแทบไม่มีเวลาว่าง ถ้ามีออแกไนเซอร์ช่วยจัดการเรื่องต่างๆ จะทำให้งานผ่านไปได้ด้วยดียิ่งขึ้น บ่าวสาวเองก็ไม่ต้องกังวลด้วยค่ะ