The Apothecary Venueสถานที่แต่งงานสวยๆ รุ่มรวยด้วยบรรยากาศ
ตั๊นรู้เรื่องโปรเจ็กต์ของสถานที่นี้ ตั้งแต่ก่อนที่ The Apothecary Venue (ดิ อะพอธธิคารี) จะเปิดตัวอีกค่ะ เราเห็นสไตล์การทำงาน การดีไซน์ของทีมมาก่อน รู้เลยว่าไว้ใจได้ ก็เลยเลือกใช้ที่นี่ พอบวกกับตัวสถานที่การตกแต่งเข้ากับธีมที่เราตั้งใจไว้ ซึ่งเป็นแนววินเทจหน่อยๆ อะไรๆ เลยดูลงตัวไปหมด
บรรยากาศภายในงานเราอยากได้โทนสบายๆ อบอุ่นเป็นกันเองกับแขก นี่คือเหตุผลที่เราเชิญแขกไม่เยอะ เฉพาะคนรู้จัก เป็นแขกของคุณพ่อคุณแม่ส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็เป็นญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ที่สนิท
โชคดีที่เรื่องการตกแต่งทางสถานที่เขาสวยในตัวอยู่แล้ว เราจึงไม่ต้องเสริมอะไรเข้าไปมาก แค่ประดับดอกไฮเดรนเยียตามความชอบ แล้วก็ยกหน้าที่การออกแบบตกแต่งให้ทีม Apothecary ได้เลยค่ะ
อบอุ่นไปกับแขกคนพิเศษ
พิธีที่เราจัดเป็นแบบหมั้นเช้าเลี้ยงเที่ยง คุยกันไว้ว่าอยากได้พิธีง่ายที่สุด แต่ด้วยความที่ผู้ใหญ่ที่บ้านจะเคร่งหน่อย บ้านตั๊นเป็นคนจีน บ้านเจ้าบ่าวเป็นคนไทย เลยปรับให้เป็นการแห่ขบวนขันหมาก แล้วต่อด้วยพิธีหมั้น ยกน้ำชา และรดน้ำสังข์ค่ะ
ชุดช่วงเช้าของตั๊นเป็นสีขาวชมพูเรียบๆ ปักด้วยลูกไม้ แล้วเลือกใช้ช่วงกระโปรงให้ฟู จะได้นั่งสะดวก ตอนแรกมีความคิดที่อยากจะใส่ชุดไทย แต่เห็นว่าจะต้องมียกน้ำชา อาจจะต้องเปลี่ยนหลายชุดเกิน เลยเลือกแบบกลางๆ ใช้ชุดเดียวได้เลย สะดวกดีค่ะ
กิมมิคน่ารักๆ เติมสีสันให้งานฉลอง
สำหรับงานช่วงเที่ยงจะเป็นแบบคริสต์ ตั๊นใช้ชุดที่ถอดประกอบได้ มิกซ์เสื้อคลุมลงไปก็ได้อารมณ์อีกแบบ หรือจะถอดหางกระโปรงก็จะได้กลายเป็นชุดสั้นค่ะ
มุมต่างๆ ในงานจะมีกิมมิคน่ารักๆ แทรกเข้าไป อย่างมุมลงทะเบียน ก็พยายามทำให้การเซ็นอวยพรของแขกสนุกขึ้น เปิดโอกาสให้ครีเอทกันได้เต็มที่ มีหมดตั้งแต่สีเมจิก สีเทียน อุปกรณ์แสตมป์ต่างๆ ส่วนของชำร่วยเราเลือกเป็นกระเป๋าหนังสามเหลี่ยมสำหรับใส่เหรียญ แต่ทำมาทั้งหมด 3 สี แล้วไม่อยากให้มีปัญหาเรื่องการเลือก เลยใส่ถุงกระดาษที่มีโลโก้ไปเลย ใครหยิบอันไหนก็ได้อันนั้นไปค่ะ (หัวเราะ)
สวยทุกจุด งานนี้ไม่ต้องมีแบ็คดรอป
งานนี้เราไม่มีแบ็คดรอป แต่มีซุ้มที่สามารถถ่ายรูปเล่นได้ มีมุมเปียโน มุมการ์เด้น เรียกว่าบ่าวสาวเดินทั่วงาน เจอตรงไหนก็เรียกถ่ายได้หมดค่ะ ฟีดแบคจากเพื่อนๆ ดีมาก เพราะทุกมุมสวยงามถูกต้อง ประทับใจทางสถานที่ที่เขาเตรียมหมวกกับร่มไว้ให้สำหรับช่วงพิธีที่อาจจะร้อนด้วย เตรียมความพร้อมมาดีมากๆ
พิธีในสวนนี้เรามีทั้งการแลกวาว กล่าวสปีชจากคุณพ่อคุณแม่ รวมไปถึงเพื่อนๆ เสร็จแล้วก็ทานอาหาร ซึ่งจัดเป็นซิทดาวน์สำหรับแขกวีไอพี 50 ท่าน มีบริกรคอยเดินเสิร์ฟค่ะ
แขกเพื่อนๆ ที่เป็นวัยรุ่นก็เดินทานกันได้ มีอาหารค็อกเทล ซุ้มอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเกี๊ยวกุ้ง ข้าวผัดฮาวาย มุมยำ สปาเก็ตตี้ แต่ที่ชอบมากๆ ก็คือโต๊ะขนมหวาน ที่คิดไว้ตั้งแต่เด็กแล้วว่าถ้าแต่งงานก็อยากจะให้มีด้วย แล้วทางทีมแคเทอริ่งก็จัดให้เราได้จริงๆ ดูเข้าธีม มีเค้ก มีขนมอร่อยๆ น่ารักเต็มเลย
เฟิร์นแดนซ์ฟินๆ อินกับธีมวินเทจ
ทานอาหารกลางวันกันเสร็จแล้ว เราต่อด้วยการตัดเค้ก เต้นเฟิร์สแดนซ์ และโยนดอกไม้ ตบท้ายด้วยการแจกรางวัลการแต่งกายตามเดรสโค้ดวินเทจ คนที่ได้รับการโหวตมากที่สุดฝ่ายหญิงมาในชุดแกสบี้ค่ะ จัดเต็มสุดๆ ก็รับมอบชุดทำเล็บกลับไป ส่วนผู้ชายก็ใส่เอี๊ยมใส่หมวกมาเลย มีกระเป๋าใส่เหรียญให้เป็นรางวัล ดีที่งานนี้ทุกคนสนิทกัน เลยไม่มีใครเขินใคร สนุกกันได้เต็มที่จริงๆ
การเตรียมงานทั้งหมดนี้ ตั๊นโคกับทางสถานที่เองหมด เพราะเพื่อนสนิทอยู่ต่างประเทศ ต้องโซโล่เดี่ยวเลยค่ะ (หัวเราะ) แต่ด้วยความที่เขาก็ครบวงจรด้วย มีพาร์ทเนอร์ที่มีคุณภาพ จบที่เดียวทุกอย่างทั้งการตกแต่ง แคเทอริ่ง ออแกไนซ์ รันคิว ตกลงกันได้ว่าเราอยากใช้บริการเขาในเลเวลไหนเลย มีไอเดียอะไรก็เสนอ ทดลองปรับกัน บ่าวสาวที่ไม่ค่อยมีเวลาวางแผนน่าจะถือว่าสะดวกจริงๆ
นอกจากนี้แขกทุกคนก็ชมเปาะว่าถ่ายรูปสนุกมาก สถานที่ดูแปลกใหม่ มีพื้นที่ให้ใช้หลายส่วน ทั้งมุมสวนที่ทำพิธีเลี้ยงเที่ยงหรือเลี้ยงเย็นก็ได้ แถมยังมีตึกสองชั้นแยกออกมา ชั้นบนเป็นห้องทำพิธี ชั้นล่างเป็นห้องกระจก แล้วก็มี Luna Hall ที่เป็นฮอลล์หลักสำหรับวางโต๊ะอาหาร จัดสัดส่วนทุกอย่างได้ดีมากๆ คิดว่าตั๊นตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ที่ใช้สถานที่นี้ในการจัดงานของเราค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
อย่าแพนิค : เวลาทำอะไรที่ต้องใช้การวางแผน มันมีผิดแผนเป็นปกติค่ะ วันงานถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้น ให้ปล่อยมันไปดีกว่า คิดแค่ว่าทุกอย่างแก้ไขได้เสมอ ถ้าคิดว่าดี เดี๋ยวมันก็จะดีเอง วันนั้นขอให้เรายิ้มรับอย่างเดียว