สโคปงานไม่ใหญ่ ก็ใส่ใจได้เต็มที่ @เรือนไทยรามอินทรา
เราตั้งใจไว้แล้วว่าอยากจะจัดงานแต่งแบบเล็กๆ ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง โดยจะเชิญเฉพาะคนสนิทและคนรู้จักจริงๆ ไม่มีการหว่านการ์ด ทุกคนที่เราให้ซองคือคนที่เราอยากให้มาร่วมงานจริงๆ ค่ะ ดังนั้นแขกที่ลิสต์ไว้จะอยู่ที่ไม่เกิน 200 คน โดยเราเลือกสถานที่แต่งงานเป็นที่ เรือนไทยรามอินทรา (Ruen Thai Ramintra) อะไรที่ทำเองได้ โดยเฉพาะงานอาร์ตเวิร์คที่เราถนัด เราก็จะทำเองหมด แล้วก็จะใส่กิมมิคความเป็นอีสานลงไปหน่อย ให้มันมีกลิ่นอายสตอรี่ของเรากับเจ้าบ่าวที่เรียนที่เดียวกันมาที่ขอนแก่น
เริ่มแรกเลยเราก็ตัดช้อยส์โรงแรมออกก่อน แล้วหันมามองสถานที่เป็นเรือนไทย ซึ่งสุดท้ายเราเลือกเรือนไทยรามอินทรา เพราะอยากได้แบบเป็นส่วนตัว เรือนไทยที่นี่อยู่เกือบสุดซอย ในขณะที่ที่อื่นจะอยู่ติดริมถนน ทำให้เวลาถ่ายภาพขบวนขันหมากออกมาแล้วไม่สวย พอได้สถานที่ถูกใจ ฟีลเหมือนเปิดบ้านชวนเพื่อนมากินข้าวเรียบร้อย เราก็ไปดูเรื่องแพ็คเกจที่ควบมากับเรือนไทยด้วย ซึ่งก็มีทั้งอาหาร ดอกไม้ ตกแต่งสถานที่ พิธีเช้า เราเลือกแบบซุ้มอาหารไป ดีอย่างตรงที่ไม่ Fix เหมือนจัดในโรงแรม เพิ่มซุ้มได้ ไม่มีคิดเงินเพิ่ม เราเลือกขนมหวานแบบไทยเข้าไปอยู่ในงานเลี้ยงอีกอย่าง เพื่อให้ได้ความรู้สึกที่เป็นไทยมากยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนงานเช้ามีข้าวต้มจากในแพ็คเกจอยู่แล้ว ก็เติมเบเกอรี่เข้าไป จะได้เป็นตัวเลือกให้แขกอีกที
13 ปีที่รักกันมา
ด้วยความที่เรากับเจ้าบ่าวคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย มันเลยได้ฟีลเป็นเหมือนเพื่อนกันมากกว่า จะมานั่งมองตาถ่ายพรีเวดดิ้งกัน มันเลยไม่ใช่ มันคนละฟีล (หัวเราะ) เพราะฉะนั้น Pre-wedding ในความคิดเราเลยเป็นโปรเจ็คสิ้นเปลือง เราอยากได้บรรยากาศงานแต่งจริงๆ แต่ครั้นจะไม่มีรูปในงานเลยก็กลัวจะดูแห้งๆเกินไป คนอาจจะคิดว่านี่ชั้นมางานใคร? เลยใส่ตัวการ์ตูนที่ดึงมาจากในการ์ดแต่งงาน Adapt มาใช้เป็นรูปหน้างานอีกที ส่วนรูปตกแต่งก็ใช้รูปที่เคยไปเที่ยวด้วยกันมา ได้ความรู้สึกเรียลดี
เรียบ & รีแลกซ์...คาแร็กเตอร์เรา
เรื่องชุดนี่ไปดูมาหลายที่มาก อย่างชุดไทยใครๆก็บอกเอาถูกๆเถอะ แต่เราเป็นคนใส่ชุดไทยแล้วไม่ค่อยสวย เลยอยากลองเช่าตัดดู สุดท้ายไปเจอที่ Be Silk สีถูกใจดี เพราะร้านทั่วไปจะมีแต่สีชมพูหมด ส่วนเรื่องชุดเลี้ยงเที่ยงนี่เราก็คิดไว้แล้วเหมือนกันว่าไม่อยากได้ชุดที่ ดูฟูฟ่อง ดูเจ้าสาวจ๋ามากๆ ไปๆมาๆพบว่าชุดแนว After Party นี่ก็ได้อยู่ เลยเอาแบบไปให้ร้านคุณเพชรตัด ซึ่งก็ออกมาถูกใจใช่เลย
เสน่ห์อีสานแท้แบบไทย
ของที่เราทำเองภายในงาน ก็มีตั้งแต่การ์ดลายไม้ไผ่สาน อันนี้เราใส่คำแบบไทยๆที่คิดขึ้นมา อย่างคำว่า ‘ออกเรือน’ ลงไปด้วย เพราะงานเรางานไทย ไม่อยากใช้ตัวอักษรเป็นตัวย่อภาษาอังกฤษ พวกสติกเกอร์ติดหน้าซองเราก็ทำเองหมด เป็นรูปบายศรีของทางอีสาน (ใบตองพับทรงกรวยใส่มาในพานไม้สี่เหลี่ยม) ส่วนของชำร่วยเป็นกระติ๊บ ได้ฟีลข้าวเหนียวที่ดูเป็นอีสานสุดๆ ทรงวงกลมก็ดูน่ารัก ไม่เหมือนใครดี เพราะทั่วๆไปเขามักจะทำทรงสี่เหลี่ยมกัน ด้านในก็ใส่ข้าวสารและคำอวยพรแบบอีสานที่ว่า ‘อยู่ดีมีแฮง’ เหมือนขอให้แขกที่มามีสุขภาพร่างกายแข็งแรงไปในตัว
ของรับไหว้ สังฆทาน หมอน ป้ายโต๊ะ ทำเองหมดทุกอย่าง นอกจากนั้นก็มีเพิ่มเติมโดยดูจากสถานที่ในงานด้วย อย่างทีมงานเรือนไทยเขาจะมี Flower Ball มาให้ แต่มันก็กำหนดไว้ตามจุด ไม่จุใจเท่าไหร่ เราอยากได้สีสันเยอะๆ ก็ดูภาพรวมจากงานเป็นหลัก โดยเอาตุงสีๆที่ทำจากไหมพรมไปห้อยตามส่วนต่างๆ แล้วก็เสริมกล้วยไม้สีขาวให้ระย้าลงมาจากตรงต้นไม้ที่อยู่ตรงซุ้มถ่ายรูป ช่วยทำให้แบคดรอปดูมีมิติขึ้นอีกเยอะ ฟังๆดูแล้วเหมือนอาจจะเตรียมงานกันนาน แต่ที่จริงเราใช้เวลาทั้งหมดแค่ประมาณครึ่งปีเพราะสเกลไม่ใหญ่อะไร ส่วนไหนที่ทำไม่ไหวจริงๆอย่างแบคดรอปก็ใช้แพ็คเกจที่เรือนไทยจัด พูดง่ายๆว่าอะไรที่คอนโทรลได้เองก็ทำเองหมด แต่บางอย่างไม่ไหวก็ซื้อเอาเถอะ (หัวเราะ)
แนะนำบ่าวสาว
จงใส่คาแรกเตอร์ของตัวเองเข้าไป : เทรนด์ของการทำอะไรเองกำลังมาค่ะ เหมือนบอกเป็นนัยๆว่ามันเป็น Limited Edition ที่มีที่แค่งานของฉันที่เดียว อีกอย่างคือถ้าทำเองได้มันก็ประหยัดด้วย ภูมิใจด้วย คนที่มาเขาก็รู้สึกได้จริงๆว่าเราตั้งใจทำ หรือถ้าทำเองไม่ไหวก็บอกคาแร็กเตอร์เราให้ออแกไนเซอร์จัดใส่ลงไปให้ก็ได้ ใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปในกิมมิคต่างๆ มันจะได้น่าประทับใจ เป็นที่จดจำ
Google ช่วยคุณได้ : ของเราเองก็พึ่ง Google ก่อนแล้วค่อยเช็คให้ชัวร์ว่าแต่ละที่เขาเวิร์คจริงรึเปล่าเหมือนกันค่ะ ของแบบนี้ต้องดูจากหลายๆที่เข้าช่วย อ่านจากรีวิวคนที่ใช้จริงบ่อยๆ (อย่าเผลอไปเชื่อหน้าม้าเชียวล่ะ) หรือไม่ก็ลองดูงานของบ่าวสาวคู่อื่นๆด้วย เก็บเป็นไอเดีย เอามาปรับใช้กับงานเราได้ต่อไป