Waldorf Astoria Bangkok โรงแรมหรูย่านราชดำริ ห้องบอลรูมเพดานสูง แปลนห้องถูกใจ
ต่วนกับฟาง (เจ้าสาว) มีโจทย์ชัดเจนว่าต้องการสถานที่แต่งงานที่รองรับจำนวนแขก 350 คนและจัดวางโต๊ะกลมได้ 12 โต๊ะ แบบไม่คับแคบหรือกว้างจนดูโหรงเหรงไป หลังจากที่เราไปดูโรงแรมมาหลายแห่งมาก สุดท้ายเราตัดสินใจเลือกจัดงานแต่งที่ Waldorf Astoria Bangkok (วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ) เพราะห้องแมกโนเลีย บอลรูม ตรงตามต้องการ แถมชอบแปลนห้องที่สามารถจัดแบ่งพื้นที่ได้ง่ายและเป็นสัดส่วน อีกทั้งเพดานสูง ยิ่งดูโปร่งสบาย นอกจากนี้ ส่วนล็อบบี้และส่วนห้องจัดเลี้ยงแยกออกจากกัน จึงได้ความเป็นส่วนตัว รวมถึงลิฟท์ที่อาคารจอดรถตรงมาห้องจัดงานได้เลย จึงสะดวกสบายมากครับ
งานหมั้นบรรยากาศสุดผ่อนคลาย
เราตั้งใจจัดงานหมั้นเช้าและงานฉลองในห้องเดียวกัน เพื่อจะได้ใช้ฉากเดียว โดยเราเลือกโทนสีคลาสสิกอย่างสีขาวและสีเขียว ตัดกับสีดำ สีเทา เพราะมองว่าเป็นสีที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังสวย ไม่ล้าสมัย สำหรับฉากบนเวทีเราไม่เน้นความกว้าง แต่ทำให้สูงเป็นพิเศษด้วยขนาด 5.80 เมตร เพื่อความแกรนด์และล้อไปกับห้องบอลรูมที่เพดานสูงมากเหมือนกัน โดยทีมตกแต่งเลือกทำโครงสร้างหลายชิ้นเพื่อให้ฉากดูมีมิติ ขณะเดียวกันยังง่ายต่อการติดตั้งด้วยครับ
ก่อนจะเริ่มพิธีหมั้น เราอยากให้แขกมีอารมณ์สุนทรีย์สักหน่อย จึงให้นักเปียโนและนักร้องมาร้องเพลงบรรเลง สร้างบรรยากาศให้งานดูรีแลกซ์ขึ้น จากนั้นจึงเริ่มแห่ขันหมาก และเจรจาสู่ขอกับญาติฝั่งเจ้าสาวก่อน ถึงค่อยผ่านด่านประตูเงิน ประตูทอง ไปรับตัวฟางตรงบันไดวนครับ
เมื่อเราอยู่บนเวทีแล้วก็ทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน ทานขนมอี๋ จากนั้นก็เข้าสู่การส่งตัวครับ โดยเรามีอาหารจัดเลี้ยงให้ตั้งแต่เช้าตรู่ อย่างเกี๊ยวน้ำ คอฟฟี่เบรก พอจบพิธีก็มีซุ้มอาหารเข้ามาเพิ่ม เช่น เมนูขนมจีบ ติ่มซำ ข้าวมันไก่ และบะหมี่เป็ดครับ
การตกแต่งเน้นเรียบง่าย แต่ได้ความคลาสสิก
สำหรับงานฉลองเราคงธีมสีเดิม แต่ตกแต่งโถงทางเดินเพิ่ม มีตั้งโฟโต้บูธด้วยครับ เรานำเข้ามาเพื่อไม่ให้แขกเบื่อระหว่างรอ ส่วนมุมแกลเลอรี่บ่าวสาวเราไม่อยากใช้ภาพเยอะ เน้นเรียบเท่มากกว่า จึงทำมุมนี้เหมือนบอร์ดตั้งชิดผนังสองฝั่งและปริ้นท์ภาพเราเป็นแนวยาว ประกอบกับโทนสีภาพพรีเวดดิ้งเป็นแนวขาวดำด้วย ยิ่งเข้ากับการตกแต่งโดยรวมครับ
ส่วนแบ็คดรอปถ่ายภาพต่างจากในห้องบอลรูมนิดหน่อย ตรงฉากหลังสีขาวที่แยกชิ้นจะดัดโค้งและเสริมฉากสีเทา รวมถึงใส่ไฟดวงกลมให้มีลูกเล่น ซึ่งโลโก้บ่าวสาวที่เห็น ผมออกแบบเองครับ มาจากตัวอักษรแรกของชื่อจริงเราสองคน ส่วนฟางขอเพิ่มดอกไม้ที่ชอบอย่างดอกกล้วยไม้ฟาแลนนอปซิสเข้าไป เพื่อให้งานมีตัวตนของเราซ่อนอยู่ครับ
ในห้องบอลรูม นอกเหนือจากฉากบนเวทีเดิมที่คงอยู่ เราเพิ่มการตกแต่งฐานดอกไม้ริมแชมเปญและเน้นการจัดแสง สี เสียงเพลงเข้ามา เพราะถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการปรับมู้ดให้งานดูเฉลิมฉลองและสวยงามมากยิ่งขึ้น ความพิเศษอีกอย่างของงานก็คือของชำร่วยธนบัตร 10 บาท ยุครัชกาลที่ 9 เป็นของคุณพ่อผมที่สะสมมาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งท่านตั้งใจไว้ว่าจะนำมาเป็นของชำร่วยในวันแต่งงานของผมครับ
งานฉลองสร้างสีสันด้วยเกมและเสียงเพลงจากเจ้าบ่าว
ในส่วนของพิธีการงานฉลอง ผมเปิดวิดีโอ 2 ตัว คือวิดีโอประมวลงานหมั้นเช้า และคลิปเรื่องราวความรักของเราที่ตั้งใจถ่ายทำเหมือนทีเซอร์หนัง เพราะอยากทำให้ดูน่าสนใจและแขกไม่เบื่อครับ จากนั้นถึงคิวที่ผมเปิดตัวด้วยการร้องเพลง Stand by me ของศิลปิน Ben E. King พร้อมกับเดินไปรับตัวฟางที่มาพร้อมคุณแม่ครับ
ขึ้นเวทีเรียบร้อยแล้ว พิธีกรเชิญพี่สาวของผมมากล่าวคำอวยพร ต่อด้วยเล่นเกม Kahoot เพื่อมอบของรางวัลให้ผู้ชนะ 1 ท่าน ถัดมาก็รินแชมเปญทาวเวอร์ และโยนดอกไม้ที่เราเลือกเอฟเฟ็กต์ยิงเปเปอร์ ชู๊ต มาไว้คิวนี้ด้วย เพราะอยากได้ฟีลเฉลิมฉลองสอดคล้องกับกิจกรรมครับ
ก่อนเข้าสู่อาฟเตอร์ ปาร์ตี้ ช่วงที่เราเดินออกจากห้อง ผมมีร้องเพลงปิดท้ายด้วยจังหวะสนุก ๆ อย่าง Let’s stay together ของศิลปิน Al green ครับ หลังเปลี่ยนชุดเสร็จ เราเดินกลับเข้ามาในห้อง โดยที่ผมก็ยังร้องเพลงเข้ามาด้วย ผมเลือกร้องเพลงหลายคิว เพราะอยากให้แขกได้เห็นตัวตนอีกมุม อีกทั้งเสียงเพลงยังเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสนุกในงานได้ด้วยครับ
ในช่วงงานเลี้ยงฉลอง ผมจัดโต๊ะกลมไว้ให้แขก VIP อย่างที่ต้องการ ที่เหลือเป็นโต๊ะค็อกเทล โดยจัดเลี้ยงเมนูค็อกเทลและซุ้มอาหารที่เน้นความหลากหลายของชนิดและสัญชาติอาหาร ทั้งไทย จีน ฝรั่ง เช่น เป็ดปักกิ่ง ขาแฮมอบน้ำผึ้ง ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ข้าวปลาแซลมอนซอสเทอริยากิ กระเพาะปลาเนื้อปู ข้าวหมูทอดโบราณ พาสต้า และเรานำเข้าไอติมด้วยครับ เราดีใจที่แขกชมว่าอาหารอร่อย แต่ที่ชมยิ่งไปกว่านั้น คือการบริการของบริกรที่เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง ทำให้อารมณ์ไม่มีสะดุด แล้วจานไหนที่แขกทานหมดแล้วก็เก็บไวมากครับ
บ่าวสาวลุยเองพร้อมทีมงานมืออาชีพ ล้วนมีแต่เรื่องประทับใจ
ต้องยอมรับว่าก่อนวันแต่งงาน เรากังวลพอสมควรว่าหน้างานจะเป็นอย่างไร มีตรงไหนตกหล่นหรือเปล่า เพราะเราเตรียมงานและคุยกับทุกทีมเองหมด แต่พอได้เห็นงานแล้ว ทุกอย่างออกมาสมูธกว่าที่คิด ทั้ง แสง สี เสียง การรันคิว โดยเฉพาะการได้รับคำชมจากแขกที่บอกผ่านครอบครัวของเราว่า งานสนุก ไม่น่าเบื่อ และบรรยกาศงานก็เป็นอย่างที่ต้องการ แค่นี้เราก็ดีใจมากครับ
เรื่องชุดเจ้าบ่าวก็เช่นกัน เราเลือกตัดกับช่างที่ไว้ใจ ทำให้ได้ชุดงานหมั้นและงานฉลองที่เหมาะกับบุคลิกและส่งเสริมให้เรามั่นใจขึ้น และสิ่งที่เราประทับใจมาก ๆ คือโรงแรมครับ ทั้งอาหารอร่อย พนักงานบริการดี เซลล์เต็มใจช่วยเหลือตลอดการเตรียมงาน ถือว่าสมบูรณ์แบบตามที่เราต้องการครับ
คำแนะนำบ่าว-สาว
ดูจำนวนแขกให้สอดคล้องกับขนาดห้องบอลรูม : อย่าเลือกขนาดห้องที่แคบ หรือกว้างไปจนทำให้บรรยากาศงานดูเหงาหงอย นอกเหนือจากจำนวนแขก เราต้องเผื่อพื้นที่ไปถึงการวางซุ้มอาหาร และการจัดโต๊ะกลมสำหรับแขก VIP ด้วย
ศึกษาข้อมูลงานแต่งให้เยอะ : บ่าวสาวควรหาข้อมูลทั้งจากอินเทอร์เน็ตและการไปเห็นของจริง เช่น ไปเวดดิ้ง แฟร์ที่โรงแรมจัดขึ้น จะทำให้เข้าใจภาพรวม ได้เห็นวิธีการจัดโต๊ะ การตกแต่งต่าง ๆ ไปจนถึงมีโอกาสพบเวนเดอร์ที่ถูกใจ ขณะเดียวกัน อย่าเอาแต่ความชอบของตัวเองเพียงอย่างเดียว ให้ดูความเหมาะสมและความสะดวกสบายต่อแขก ญาติผู้ใหญ่ เช่น เดินทางง่าย หาห้องจัดเลี้ยงไม่ยาก เป็นต้น
ปริมาณอาหารต้องเยอะไว้ก่อน : นอกจากการคัดสรรเมนูอาหารที่หลากหลาย สิ่งสำคัญต้องคำนวณปริมาณอาหารให้เพียงต่อแขกที่มาร่วมงาน จากการปรึกษาเซลล์ คาดการณ์ว่าให้เฉลี่ยปริมาณอาหารสำหรับแขก 1 ท่านต่ออาหาร 4 พอร์ชั่น
Lighting & Sound ก็สำคัญ : แสง สี เสียง เป็นอีกส่วนสำคัญที่จะช่วยให้บรรยากาศงานดูสวยและน่าประทับใจขึ้นได้ หากจ้างทีมงานแล้ว ควรนัดมาให้เห็นสถานที่จริง จะได้รู้ว่าต้องจัดวางเครื่องเสียงยังไงให้ดังทั่วห้อง หรือจัดแสงยังไงให้หน้าบ่าวสาวไม่มืด หากเขาไม่ได้เห็นหน้างาน มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาในวันจริงได้